นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.บางกอก เดค-คอน (BKD) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทจะมีการพิจารณาแนวทางบริการเงินสดในมือให้เกิดประโยชน์ด้วยการนำไปลงทุนในกิจการที่ให้ผลตอบแทนดี โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในสัปดาห์หน้าหลังจากบริษัทฯได้ยุติแผนการเข้าร่วมลงทุนกิจการเซอร์วิอพาร์ทเม้นท์ ย่านสุขุมวิทมูลค่าราว 2,000 ล้านบาท เนื่องจากมองว่ายังไม่มีความชำนาญในด้านนี้
"เราได้ยุติแผนการเข้าลงทุนในโครงการซอร์วิอพาร์ทเม้นท์ เนื่องจากพอเราเข้ามาดูแล้วยังมีความเสี่ยงเพราะเราไม่มีความชำนาญในด้านนี้ แต่เราจะมีการประชุมกับทีมบริหารเพื่อที่จะนำเงินสดที่มีอยู่ราว 1,000 ล้านบาท ไปลงทุนให้เกิดผลตอบแทนที่ดีได้อย่างไร ซึ่งธุรกิจนั้นจะต้องไม่มีความเสี่ยง บริษัทฯมีความเชี่ยวชาญ และต้องคุ้มทุนภายใน 5 ปี หรือมีผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี ซึ่งเราคงจะเห็นความชัดเจนในสัปดาห์หน้า"นางนุชนารถ กล่าว
นางนุชนารถ กล่าวอีกว่า สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/59 แนวโน้มรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ตามเป้าหมาย และกำไรสุทธิก็จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากบริษัทฯสามารถเร่งปิดงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 1,153.61 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิปีนี้เชื่อว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 10% โดยบริษัทเน้นรับงานที่มีมาร์จิ้นสูง บริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และต่อรองราคาวัสดุก่อสร้าง
"ปัจจุบันเราอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานใหม่ ซึ่งในปีนี้ภาวะการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างสูง เพราะงานในออกมาน้อย แต่ส่วนตัวเองเราตั้งเป้าที่จะมีอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 10% ถ้าต่ำกว่านี้เราก็คงจะไม่เอาเหมือนกัน ในส่วนของรายได้ปีนี้ไม่ต้องกังวล เพราะเรามี Backlog มากเพียงพอที่จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% แต่อย่างไรก็ตามหากเราสามารถเร่งปิดงานได้เร็วขึ้นรายได้ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปได้ถึง 2,000 ล้านบาทได้เลย" นางนุชนารถ กล่าว
นอกจากนั้น ปัจจุบันบริษัทฯยังอยู่ระหว่างรอผลการประมูลงานใหม่มูลค่าราว 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจากต่างประเทศราว 700 ล้านบาท คืองานโครงการตกแต่งภายในโรงแรมที่นิวยอร์ก มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท และงานโครงการตกแต่งบ้านที่ประเทศกาตาร์ มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท โดยทั้ง 2 งานจะรู้ผลการประมูลภายในเดือน พ.ค.นี้ ในส่วนที่เหลือคืองานประมูลในประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในเดือน พ.ค. นี้ราว 2 งาน มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท