KBANK รับตั้งสำรองปีนี้สูงกว่าปีก่อน"บัณฑูร"มองลดดอกเบี้ยแค่ต่อลมหายใจลูกค้า ไม่ช่วยฟื้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 25, 2016 16:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวยอมรับว่า ในปีนี้ KBANK จะต้องตั้งสำรองเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนที่ตั้งสำรองไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากวัฏจักรของเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวส่งผลกระทบต่อแนวโน้มของหนี้ที่ก่อไม่เกิดรายได้ (NPL) ทั้งระบบที่จะเพิ่มขึ้นตาม ขณะที่การตั้งสำรองของธนาคารเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง

ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่เกิดขึ้นในข่วงก่อนหน้านี้ เป็นเพียงการช่วยต่อลมหายใจให้กับลูกค้าของธนาคาร โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งดอกเบี้ยที่ลดลงยังช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง-ใหญ่สามารถมาขอกู้ยืมเงินไปใช้สำหรับการลงทุนได้บ้าง เพราะต้นทุนลดลง และช่วยสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนได้บ้าง

แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ไม่ได้เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเห็นได้จากต่างประเทศที่ใช้นโยบายการเงินในการลดดอกเบี้ยก็ไม่ได้ช่วยฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน

ด้านนายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ KBANK กล่าวเสริมว่า ธนาคารจะมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับปกติตั้งแต่ไตรมาส 1/59 ถึงไตรมาส 3/59 จากนั้นไตรมาส 4/59 ก็จะกลับมาตั้งสำรองในระดับปกติ

ส่วนนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ KBANK กล่าวว่า แนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อรวมของธนาคารในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะสูงกว่าไตรมาส 1/59 ที่ขยายตัวเพียง 0.5% เนื่องจากแนวโน้มความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นทั้งจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ช่วงครึ่งปีหลัง

ประกอบกับยังมีความต้องการสินเชื่อที่ภาคธุรกิจจะต้องใช้เพื่อการซื้อกิจการและควบรวมกิจการ รวมถึงการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz รอบใหม่จะส่งผลให้สินเชื่อมีแนวโน้มการขยายตัวมากกว่าไตรมาส 1/59

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงเป้าหมายสินเชื่อรวมปีนี้เติบโต 6-7% โดยยังประเมินอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 59 อยู่ที่ 3%

"สินเชื่อรวมในปีนี้ของเรายังมั่นใจว่าจะทำได้ 6-7% ตามเป้าหมายที่เคยบอกไว้ไนช่วงปลายปีที่แล้ว เพราะเรามองว่าการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนจะเกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาดีขึ้น ส่วนภาครัฐก็มีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆออกมาเพิ่มเติมและได้แก้ไขกฎระเบียบที่เป็นการปิดกั้นภาคเอกชน ทำให้การลงทุนได้เกิดขึ้นจริงอย่างรวดเร็ว"นายปรีดี กล่าว

สำหรับ NPL ในปีนี้ธนาคารจะควบคุมไม่ให้เกิน 2.8% ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นระดับเดียวกับไตรมาส 1/59 โดยธนาคารเชื่อว่าตั้งแต่ไตรมาส 2/59 เป็นต้นไป NPL จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง จากคาดว่าหลังจากมีการลงทุนมากขึ้นแล้วนั้นจะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติ โดยไตรมาส 1/59 ตั้งเพิ่มขึ้นไปแล้วราว 3 พันล้านบาท จากระดับปกติที่ 2.5 พันล้านบาท

นายปรีดี กล่าวถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารลงว่า ส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคารแต่ถือเป็นการช่วยเหลือลูกค้าที่กู้ยืมเงินกับธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ธนาคารยังมีความสามารถในการหารายได้อย่างอื่นมาทดแทนจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่หายไป เช่น รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ได้แก่ ค่าธรรมเนียมจากการขายธุรกิจประกัน กองทุนรวม และผลิตภัณฑ์ต่างๆของธนาคาร ประกอบกับธนาคารยังสามารถขยายสินเชื่อเพิ่มเติม โดยรายได้อื่นที่เข้ามาทดแทนส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยนั้น ทำให้ธนาคารเชื่อมั่นว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคารในปีนี้มากนัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ