ขณะที่โรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง อยู่ระหว่างทดสอบการผลิต และคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นไตรมาส 3/59 ก็จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรืออยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นตัน/1 กะ (8 ชั่วโมง) หรือคิดเป็นยอดขาย 1,000 ล้านบาทจากปัจจุบันอยู่ที่ 7 พันตัน/ 1 กะ และโรงงานใหม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ถึง 2 กะ รองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้จะเติบโตได้ขั้นต่ำ 15% จาก 740.11 ล้านบาทในปี 58
"เป้าหมายรายได้ทั้งปี บริษัทคาดว่าจะเติบโตขั้นต่ำที่ 15% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นไปตามนั้น เนื่องจากภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมา มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บริษัทมีออเดอร์จากลูกค้าเข้ามาและที่ส่งออกไปแล้วนั้นเพิ่มขึ้นราว 20-25% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/58 อีกทั้งหลังจากโรงงานใหม่บริษัทแล้วเสร็จ ก็จะสามารถรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง และขยายตลาดใหม่ๆเพิ่มเติม"นายจิตติพร กล่าว
นายจิตติพร กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยในครึ่งปีหลังของปี 58 บริษัทมียอดขายเป็นเงินบาทแล้วกว่า 57% สกุลเงินยูโร 12 % สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 31% จากก่อนหน้านี้ยอดขายของบริษัทส่วนใหญ่ใช้สกุลเงินยูโรเป็นหลัก ทำให้บริษัทไม่ต้องกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้า และลดคความเสี่ยงในเรื่องขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ เป็นปัจจัยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจในปีนี้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง
สำหรับกลยุทธ์ในช่วงต่อจากนี้ บริษัทจะยังคงเดินหน้าเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายเดิมที่เข้ามา และการรุกตลาดใหม่ๆ จากการเพิ่มจำนวนทีมขายไปยังประเทศกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจ อีกทั้ง ในไตรมาส 2/59 มีแผนที่จะเข้าไปเจรจาเพื่อจำหน่ายสินค้ากับผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก ขณะที่บริษัทมีการเจรจาเพื่อควบรวมกิจการ (M&A) จำนวน 2 ดีล เพื่อสร้าง Synergy ในอนาคตอีกด้วย