ม.ล.ศานติดิศ ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทรทัน โฮลดิ้ง (TT) คาดว่า รายได้ปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อนทำได้ 890 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจมีเดีย 80% และธุรกิจระบบวางท่อก๊าซธรรมชาติ 20%
สำหรับธุรกิจมีเดีย มองว่าน่าจะมีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น หลังบริษัทย่อย หรือบมจ. สแพลช มีเดีย ได้ซื้อหุ้น บริษัท สปินเวิร์ค จำกัด โดยถือหุ้นราว 75.4% ซึ่งสปินเวิร์ค สามารถทำรายได้ราว 1,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ก็ยังที่แผนขยายป้ายโฆษณาเพิ่ม จากปัจจุบันมีป้ายโฆษณาทั้งสิ้น 40-50 ป้าย และรับงานอีเว้นท์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อธุรกิจมีเดีย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำนวน 3-4 ราย คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้อย่างน้อย 1 รายก่อน เพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจมีเดียต่อไป
ทางด้านธุรกิจระบบวางท่อก๊าซธรรมชาติ ของ บมจ.สเตรกา คาดว่า รายได้ปีนี้จะดีกว่าปีก่อน จากการรับงานภาคเอกชน และงานภาครัฐเข้ามาเพิ่มเติม โดยปัจจุบันมีงานในมืออยู่ที่ 200-300 ล้านบาท น่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ ประกอบกับยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอผลการประมูลอีกจำนวนมาก ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
ขณะที่บริษัทฯวางงบลงทุนรวม 1,000-3,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในธุรกิจมีเดีย และธุรกิจอื่นๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะมาจากเงินที่ได้จากการระดมทุน และกระแสเงินสดที่มีอยู่ในมือราว 600 ล้านบาท
"ปีนี้เราว่าน่าจะเติบโตอย่างน้อย 15% จากธุรกิจมีเดีย ซึ่งทำรายได้ต่อปีถึง 1,000 ล้านบาท ก็น่าจะช่วยให้เราเติบโตมากขึ้น และธุรกิจวางท่อก๊าซธรรมชาติก็ยังเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง"
ม.ล.ศานติดิศ กล่าวว่า ส่วนแผนการนำบมจ.สเตรกา เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ มองว่า จะสามารถจดทะเบียนฯได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 60 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในเดือนพ.ค.นี้ เพื่อศึกษาแนวทางการเสนอขายหุ้น IPO
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางการเสนอขายหุ้น IPO ไว้ 2 แนวทาง คือ 1.ให้มีการออกขายหุ้น IPO ใหม่ทั้งหมด โดยเพิ่มอีก 25% จากหุ้นที่มีอยู่เดิม 1,900 ล้านหุ้น คิดเป็นหุ้นจำนวนทั้งสิ้น 2,533 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทลดลงเหลือ 63% จากเดิมถือ 84%
ส่วนแนวทางที่สอง คือ จะมีการเพิ่มทุนอีก 335 ล้านหุ้น จากหุ้นที่มีอยู่เดิม 1,900 ล้านหุ้น รวมถึงทาง TT จะมีการนำหุ้นเดิมออกมาขายในจำนวน 224 ล้านหุ้น ทำให้จะมีหุ้นที่จะเสนอขาย 559 ล้านหุ้น โดยสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯก็จะลดลงเหลือ 61% จากเดิมถือ 84%
พร้อมกันนี้เงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าว จะนำไปใช้ลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์