SCC เผยกำไร Q1/59 เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากธุรกิจเคมีภัณฑ์-บรรจุภัณฑ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 27, 2016 18:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรุ่งโรจน์รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจีในไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2559 มีรายได้จากการขาย 109,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน และใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวด 13,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และธุรกิจบรรจุภัณฑ์

นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการส่งออก 29,570 ล้านบาท คิดเป็น 27% ของยอดขายรวม ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 เอสซีจี มีรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน และจากการส่งออกไปยังอาเซียน 24,396 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน ทั้งนี้ เป็นรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน 12,586 ล้านบาท คิดเป็น 12% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากการส่งออกไปยังอาเซียน 11,810 ล้านบาท คิดเป็น 11% ของรายได้รวม ลดลง 14% จากปีก่อน

ทั้งนี้ เอสซีจี มีสินทรัพย์รวมในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 มูลค่า 110,491 ล้านบาท หรือประมาณ 21% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท

สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 มีมูลค่า 520,603 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 แยกตามรายธุรกิจดังนี้

เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 มีรายได้จากการขาย 45,880 ล้านบาท ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 3,290 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในทุกตลาด

เอสซีจี เคมิคอลส์ ในไตรมาสที่ 1 ในปี 2559 มีรายได้จากการขาย 47,810 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 9,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการธุรกิจร่วมปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง

เอสซีจี แพคเกจจิ้ง ในไตรมาสที่ 1 ในปี 2559 มีรายได้จากการขาย 18,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 1,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนและผลประกอบการที่ดีขึ้นของกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์

“จากการที่เอสซีจีได้ทุ่มเทพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) มาโดยตลอด ทั้งที่เป็นการค้นคว้าวิจัยโดยทีมงานเอสซีจีเอง และการร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำของไทย และระดับโลก ในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 เอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม 42,262 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 39 ของยอดขายรวม โดยใช้งบประมาณงานวิจัยและพัฒนากว่า 900 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของยอดขายรวม สำหรับแผนงานในปี 2559 เอสซีจีได้ตั้งงบประมาณงานวิจัยและพัฒนา คิดเป็นร้อยละ 1 ของยอดขายรวม" นายรุ่งโรจน์ กล่าว

นอกจากนี้ เอสซีจีได้มุ่งพัฒนาทีมงานวิจัยให้สามารถคิดค้นนวัตกรรมสินค้า และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการ ความหลากหลายของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคตอาทิ Dissolving Pulp ของเอสซีจี แพคเกจจิ้ง สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอ และอุตสาหกรรมเมลามีนคอมพาวด์ ที่ได้รับการยอมรับจากตลาดโลกอย่างดียิ่ง และนวัตกรรมเม็ดพลาสติกสำหรับท่อทนแรงดันสูงเกรด PE 100 ของเอสซีจี เคมิคอลส์ สำหรับระบบขนส่งน้ำ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ โดยได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากลจากองค์กรระดับโลก นวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัย อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อผู้สูงวัย (SCG Eldercare Solution) ผนังสำเร็จรูปที่สร้างลวดลายบนพื้นผิวได้ ช่วยทดแทนแรงงานก่อสร้างที่ขาดแคลน และนวัตกรรมปูนซีเมนต์สูตรพิเศษที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 3D printing ในการผลิตซิเมนต์รูปแบบใหม่ ซึ่งกำลังจัดแสดงในงานสถาปนิก ’59 รวมถึงความร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ล่าสุดได้ร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดศูนย์วิจัย “SCG-CHULA Engineering Research Center" เพื่อค้นคว้าและพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์

สำหรับในภูมิภาคอาเซียนมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยการลงทุนของ เอสซีจีมีความคืบหน้าตามแผน โรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศอินโดนีเซีย และกัมพูชา ขณะนี้เริ่มผลิตสินค้าแล้ว ส่วนโรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศเมียนมา และสปป.ลาว คาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2559 และกลางปี 2560 ตามลำดับ ซึ่งโครงการลงทุนเหล่านี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการขยายตัวของเอสซีจีในอาเซียน ทั้งนี้ เอสซีจียังคงขยายการลงทุน โดยการให้ความสำคัญในการหาพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจเดิมอยู่แล้ว เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตร่วมกันต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ