(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์กรอบจำกัด หลังเฟดคงดบ.-ราคาน้ำมันพุ่ง,หุ้นหลายตัวขึ้น XD ถ่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 28, 2016 09:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะดีดตัวขึ้นในกรอบจำกัด หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นน่าจะช่วยหนุนการขับเคลื่อนของหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงการที่ SCC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/59 ออกมาดีกว่าคาดจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีนั้น ทำให้อาจมีแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีอื่นๆตามมาด้วย แต่การปรับขึ้นของดัชนีจะอยู่ในกรอบจำกัดหลังมีหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันนี้จำนวนมาก ซึ่งจะกดดันต่อดัชนีลงประมาณ 1.8 จุด โดยมองแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,405-1,406 และแนวต้านบริเวณ 1,425-1,432 จุด

นายอภิชาต ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะรีบาวด์ในเช้าวันนี้ หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และคาดว่าจะใช้แนวทางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังในระยะต่อไป ทำให้คาดว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกปีนี้

นอกจากนี้การประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/59 ของบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เมื่อวานนี้ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์นั้น เป็นผลจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีขึ้น ทำให้คาดว่าอาจจะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีอื่นๆตามมาด้วย

อย่างไรก็ตามการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นจำนวน 27 ตัวในวันนี้จะยังเป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนีลงราว 1.8 จุด ซึ่งจะทำให้การดีดตัวขึ้นของดัชนีจะยังอยู่ในกรอบจำกัด ขณะที่นักลงทุนยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อผลักดันอัตราเงินเฟ้อซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมายอย่างมาก

พร้อมให้แนวรับวันนี้ที่บริเวณ 1,405-1,406 และแนวต้านบริเวณ 1,425-1,432

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 เม.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,041.55 จุด เพิ่มขึ้น 51.23 จุด (+0.28%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,863.14 จุด ลดลง 25.14 จุด (-0.51%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,095.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.45 จุด (+0.16%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 148.50 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 127.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 23.87 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 18.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.64 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 เม.ย.59) 1,411.84 จุด ลดลง 6.94 จุด (-0.49%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 62.26 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 เม.ย.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 เม.ย.59) ปิดที่ 45.33 ดอลลาร์/
บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 เม.ย.59) ที่ 5.92 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.12 แข็งค่าตามภูมิภาค หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ยและส่งสัญญาณไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย
  • สศค.เผยผลจัดเก็บรายได้รัฐบาล ครึ่งแรกปีงบ 59 จัดเก็บได้ 1.07 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 6.4% แต่ภาษีมูลค่าเพิ่มยังจัดเก็บต่ำกว่าประมาณการ
  • ธปท.ออกประกาศกำหนดแผนการออกพันธบัตรธปท.ประจำเดือนพ.ค.59 เพื่อดูแลสภาพคล่องในระบบการเงินให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจตามหน้าที่ปกติของธนาคารกลาง โดยพันธบัตรที่จะออกในเดือน พ.ค.นี้ มีวงเงินทุกประเภทอายุรวม 4.8 แสนล้านบาท
  • รมว.คมนาคม หารือไจก้าเดินหน้าไฮสปีดเทรนกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ยันผลศึกษาขั้นกลางเสร็จสิ้นปี ส่วนปีหน้าเริ่มออกแบบรายละเอียด คาดลงทุนแบบพีพีพี เล็งใช้ ม.44 แก้กฎหมายเวนคืน เปิดทางพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ จูงใจนักลงทุน ยอมรับต้นทุนสูงอาจแบ่งก่อสร้างเป็นฟส เหมือนรถไฟไทย-จีน
  • รมช.คลัง กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.58-28 เม.ย.59 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ว่า รัฐบาลจะไม่ต่ออายุให้กับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์อีก เนื่องจากขณะนี้มองว่าทิศทางของธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์สามารถเดินหน้าต่อไปได้แล้ว โดยการให้ยาแรง 6 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นเวลาที่เหมาะสม หากกระตุ้นมากไปก็อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้
  • รัฐบาลผนึกภาคเอกชนเดินหน้าแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย หวังอียูถอนใบเหลืองให้ไทย ลงนามความร่วมมือ พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับอย่างเป็นรูปธรรม ชี้หากได้ใบแดงเชื่อไม่กระทบกับการส่งออก เหตุไม่มีการสั่งห้ามการซื้อขายสินค้าจากไทย ยังคาดปีนี้ส่งออกทูน่า-กุ้ง ยังขยายตัวดี
  • บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่าในไตรมาส 2 ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญความผันผวนมากกว่าในช่วงไตรมาสแรก จากปัจจัยกดดันทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งที่อาจกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ประมาณ 0.5% และยังมีปัจจัยภายนอกเรื่องการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐในเดือนมิ.ย. ที่หลายฝ่ายเริ่มคาดว่าจะเป็นช่วงที่สหรัฐใช้โอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันให้เกิดความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนได้
*หุ้นเด่นวันนี้

-SCC (เคจีไอฯ) แนะ"Outperform"ราคาเป้าหมาย 620 บาท การประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้อยู่ในเชิงบวก ผู้บริหารประเมินทิศทางของกำไรปกติยังคงมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องช่วงไตรมาสที่เหลือของปี ได้แรงหนุนสเปรดเคมีภัณฑ์ที่ยืนแกร่ง คาดผลงานธุรกิจปูนและวัสดุก่อสร้างรวมถึงบรรจุภัณฑ์ดีขึ้น คงประมาณการกำไรปกติปี 59 ที่ 4.50 หมื่นล้านบาท เพิ่มจาก 4.36 หมื่นล้านบาทปีก่อนรับสเปรดดีช่วยหนุนให้ธุรกิจเคมีภัณฑ์อยู่ในวัฎจักรขาขึ้นในอีกสองสามปีข้างหน้า นอกจากนี้ การเร่งประมูลงานภาครัฐ อาทิ โครงการระบบขนส่งทางราง จะช่วยฟื้นความมั่นใจให้กับภาคเอกชนให้กลับเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องได้อีกครั้ง

-CPALL (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 66 บาท โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 อยู่ที่ระดับ 3,793 ล้านบาท (-2.2% QoQ, +11.3% YoY) เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากฐานกำไรปีก่อน ส่งสัญญาณว่าจะมีฐานกำไรเพิ่มขึ้นเป็นอีกระดับในทุกๆไตรมาส โดยแม้ในไตรมาสนี้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะปรับตัวสูงขึ้นตามฐานค่าใช้จ่ายการตลาด แต่การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) คาดว่าจะยังโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันที่ระดับ 1% คาดขยายร้าน 7 – Eleven ได้ราว 200 สาขาในระหว่างไตรมาส (เทียบกับเป้าทั้งปีที่ 700 สาขา) ขณะที่ MAKRO น่าจะมียอดขายเติบโตได้กว่า 6.5% อยู่ที่ 41,380 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายรวมโตเหนือระดับ 1 แสนล้านบาทได้เช่นเดียวกันกับไตรมาสก่อนที่ 103,758 ล้านบาท (+8.6% YoY)

-BJCHI (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท คาดรายได้จากงานก่อสร้างช่วงไตรมาส 1/59 ใกล้เคียงไตรมาสที่แล้วที่ 2,100 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถรับรู้รายได้โครงการ TUPI BV เต็มที่ นอกจากนี้ยังรับรู้โครงการ QGI ที่กลับมาเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีที่แล้วอีกด้วย แต่อัตรากำไรขั้นต้นอาจโดนกดดันจาก Additional Work และการเปลี่ยนแบบงานบางส่วน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาเหลือเพียง 23% ด้าน SG&A ยังปรับตัวสูงขึ้น QoQ เนื่องจากบริษัทมีการเร่งการส่งมอบงาน นอกจากนี้ยังคาดบริษัทจะมีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ประมาณ 10 ล้านบาท หลังค่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้น โดยเราคาดกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1/59 ที่ประมาณ 373 ล้านบาท (-33% QoQ, +128% YoY) กำไรสุทธิเติบโตมาก YoY เนื่องจากไตรมาส 1/58 บริษัทมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนมากถึง 140 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ