GREEN เผยธุรกิจอสังหาฯหนุนเริ่มพลิกเป็นกำไรตั้งแต่ Q1/59 พร้อมขยายไลน์เข้าสู่พลังงานทดแทน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 28, 2016 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประทีป อนันตโชติ รองประธานกรรมการ บมจ.กรีน รีซอร์สเซส (GREEN) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 59 คาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ จากปีก่อนมีผลขาดทุน 40.50 ล้านบาท โดยจะเริ่มมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1/59 เป็นต้นไป เนื่องจากบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ 2 โครงการ คือ โครงการร็อคเซีย จังหวัดมหาสารคาม มูลค่าโครงการ 175 ล้านบาท และโครงการออริจินส์ บางมด-พระราม 2 มูลค่าโครงการ 619.40 ล้านบาท

บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปีนี้ที่ 800 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 40.50 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 100% ซึ่งโครงการออริจินส์ จะมียอดโอนในปีนี้ราว 600 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 90% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด 337 ยูนิต และคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปีนี้ ส่วนอีก 200 ล้านบาทจะมาจากโครงการร็อคเซีย

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ายอดโอนทั้ง 2 โครงการตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือน เม.ย.59 จะทำได้ 250 ล้านบาท เนื่องจากจะมีการโอนโครงการมากในช่วงก่อนสิ้นสุดมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองในวันนี้

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 512 ล้านบาท โดยจะนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่มีอยู่กว่า 600 ล้านบาท มาล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมดในผลการดำเนินงานงวดปี 60 และจะกลับมาจ่ายปันผลในรอบ 5 ปี ในงวดผลการดำเนินงานปี 60 ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลภายในปี 61 โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล 30% ของกำไรสุทธิ

แนวทางในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น บริษัทมองการลงทุนทั้งรูปแบบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเอง รวมไปถึงการเข้าซื้อโครงการอื่นเพื่อนำมาพัฒนาต่อ แต่ในปีนี้จะไม่มีการพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างวางแผนพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวในโซนนนทบุรีหรือปทุมธานีในปี 60 มูลค่าราว 200 ล้านบาท รวมที่ดิน ปัจจุบันมองหาซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาแล้ว

นายประทีป กล่าวถึงการขยายธุรกิจไปสู่พลังงานทดแทนว่า บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 250 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินเหลือจากการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ที่ระดมทุนได้ 500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรนอกตลาดหลักทรัพย์เพื่อเข้าซื้อหุ้นและทำธุรกิจเชื้อเพลิงจากขยะภาคอุตสาหกรรม โดยบริษัจะเข้าไปถือหุ้น 51% คาดว่าจะได้ข้อสรุปในครึ่งปีหลัง และร่วมทุนกับพันธมิตรตั้งบริษัทที่ปรึกษาจัดการพลังงาน (ESCO: Energy Service Company) คาดหวังถือหุ้น 51% เช่นเดียวกัน และน่าจะมีความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง

ทั้งนี่ บริษัทวางเป้าหมายลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนภายใน 5-6 ปีข้างหน้า จะมีขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทเตรียความพร้อมที่จะเข้าไปร่วมในโครงการที่ภาครัฐจะทยอยประกาศในอนาคต

"ธุรกิจพลังงานทดแทนจะมีการเติบโตในอนาคต โดยมีข้อมูลการศึกษากำลังไฟฟ้าในประเทศอีก 20 ปีข้างหน้าจะมีการใช้อยู่ที่ 19,000 เมกะวัตต์ จากสิ้นปี 58 อยู่ที่ 8,000 เมกะวัตต์ ซึ่งยังมีรูมให้เราขยายได้อีก 10,000 เมกะวัตต์ โดยเฉลี่ย 1 เมกะวัตต์ จะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ 60 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่ามูลค่าการลงทุนพลังงานทดแทนในอีก 20 ปีข้างหน้าจะแตะ 6 แสนล้านบาท ทั้งนี้ตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจไฟฟ้าจะเข้ามาในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยเป้าหมายระยะยาวบริษัทตั้งเป้ามี 10 เมกะวัตต์ภายใน 5-6 ปีข้างหน้า"นายประทีป กล่าว

ขณะที่บริษัทได้ทำหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อขอย้ายจากหมวดภาคบริการและท่องเที่ยว มาเป็นหมวดอสังหาริมทรัพย์ โดยอยู่ระหว่างรอการอนุมัติ ซึ่งบริษัทจะส่งงบไตรมาส 1/59 เข้าไปประกอบการพิจารณาด้วย คาดว่าจะสามารถปรับหมวดได้ภายใตปีนี้

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทางสำนักงาคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ตลท.ได้สอบถามมายังผู้บริหารถึงพฤติกรรมการปั่นหุ้นนั้น นายประทีป ชี้แจงว่า ผู้บริหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการสร้างราคา 3-4 บริษัทจดทะเบียนที่เกิดขึ้นในปี 57 ได้แก่ ACD (ซึ่งเป็นชื่อเก่าของบริษัท) และ AJD เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต.และ ตลท.มีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ