นางกานต์สุดา แสนสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) กล่าวว่า บริษัทฯคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 9.7 พันล้านบาทในปีก่อน และจะมีผลขาดทุนสุทธิลดลง จากปี 58 ที่ขาดทุนสุทธิ 1.15 พันล้านบาท เนื่องด้วยการดำเนินธุรกิจหลักในปีนี้ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจทีวีดิจิตอลที่ได้ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 2 เต็มปี และเป็นช่วงของการเติบโต หลังปีแรกเป็นช่วงของการลงทุน ส่งผลให้ธุรกิจทีวีดิจิตอลในปีนี้น่าจะมีผลขาดทุนลดลง อีกทั้งยังมั่นใจว่าธุรกิจทีวีดิจิตอลจะถึงจุดคุ้นทุนได้ภายใน 5 ปี (ปี 58-62)
ทั้งนี้ การเติบโตของช่องทีวีดิจิตอลทั้งสองช่อง คือ ช่องวัน 31 และช่อง 25 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยช่องวัน 31 มีรายได้จากการขายโฆษณาเพิ่มขึ้น และแนวโน้มก็น่าจะสามารถปรับเพิ่มค่าโฆษณาอีกได้ ซึ่งช่วงเวลาไพร์มไทม์ ค่าโฆษณาเฉลี่ยที่ 100,000 บาท/นาที และช่วงเวลาปกติเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 บาท/นาที โดยช่วงกลางปีนี้ช่องวัน 31 จะนำเสนอคอนเท้นท์ที่จะดึงดูดผู้ชม และเรียกเรทติ้งให้เพิ่มขึ้น
ส่วนช่อง 25 ก็ยังมีการขายโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเฉลี่ยที่ 25,000 บาท/นาทีขึ้นไป โดยการนำเสนอของช่องจะเน้นรูปแบบรายการที่เจาะกลุ่มวัยรุ่น หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมาก
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีรายได้ที่เกิดจากช่องทางออนไลน์ เช่น Youtube ,Live music และ Live TV ซึ่งมองว่าการเติบโตจากช่องทางดังกล่าว โดยเฉพาะ Youtube ยังสามารถเติบโตได้อีก ตามจำนวนยอดผู้เข้าชมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาจากการสำรวจบริษัทฯมียอดผู้เข้าชมติดเป็นอันดับ 1 ทำให้สะท้อนให้เห็นถึงจุดแข็งของบริษัทฯที่สามารถนำเสนอคอนเท้นท์ที่โดนใจผู้บริโภค
"เราเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทฯจะปรับตัวดีขึ้นในไม่ช้า และผลขาดทุนสะสมก็น่าจะหมดไปได้ และกลับมาเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิ และสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีผลขาดทุนลดลงมาก โดยปีนี้ก็น่าจะลดลงได้อีกตามแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ"นางกานต์สุดา กล่าว
นางกานต์สุดา กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการขายหุ้นในธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดกำไรเพิ่มเติมอีกในปีนี้ หลังจากได้ทยอยขายออกไปในช่วงที่ผ่านมา