GBS ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดปีนี้ที่ 3.10% เพิ่มจาก 2.64%ในปีก่อน นำเสนอระบบซื้อขายใหม่ๆดึงลูกค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 3, 2016 11:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าปี 59 ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อย อยู่ที่ 3.10% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 2.64% โดยจะมีการเพิ่มฐานลูกค้ามากขึ้นจากปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ที่ราว 20,000 ราย และเป็นบัญชีเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ (active) ราว 40%

ทั้งนี้ บริษัทได้สรรหาระบบการซื้อขายใหม่ๆ ให้ง่ายต่อการลงทุน อีกทั้งการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง เช่น การจัดอบรมสัมมนาเทคนิคการลงทุนใหม่ๆ และยังมีการขยายทีมตลาดให้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาระบบการซื้อขายบน Platfrom ใหม่ๆ เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยเน้น Platfrom ด้านออนไลน์ทั้งหลักทรัพย์และอนุพันธ์ เช่น I2Trade, Stock Radar รวมถึงระบบการซื้อขายอนุพันธ์ โดยเฉพาะ MT4 ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ปลายปี 58 สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น

ขณะที่การแข่งขันด้านราคาค่าธรรมเนียม มองว่าน่าจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว โดยโกลเบล็ก ก็มีการทยอยปรับราคาดังกล่าวลงมาอย่างต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมฯ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และดึงดูดลูกค้า เชื่อว่าปีนี้ภาพของการแข่งขันแต่ละโบรกเกอร์น่าจะต้องหาจุดแข็งให้ตัวเอง

"โกลเบล็กปีนี้เรามีเป้าหมายมาเก็ตแชร์ 3.10% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.64% โดยจะพยายามดันให้มากขึ้นผ่านการจัดสัมมนา และขยายฐานลูกค้า ให้บริการลูกค้าที่หลากหลาย"นายธนพิศาล กล่าว

ด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่บริษัทที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ราว 2-3 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ปีนี้อาจจะยังไม่ได้เห็นการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน เนื่องจากต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจดังกล่าวให้มีความพร้อมก่อน คาดว่าในปี 60 น่าจะได้เห็นอย่างน้อย 2 บริษัท

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2/59 น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,350-1,480 จุด และทั้งปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด บนคาดการณ์ P/E 16-20 เท่า และกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดจะสามารถเติบโตได้ราว 23%

GBS มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะเริ่มมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และการสนับสนุนธุรกิจขนาดกลาง-ขนาดเล็ก (SME) โดยมองว่าการเบิกจ่ายภาครัฐในปีนี้จะสูงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าเร็วๆ นี้จะเกิดการประมูลรถไฟฟ้าสีเหลืองและสีส้ม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีการขยายตัว (GDP) ได้ราว 3.3% ตามที่หน่วยงานภาครัฐคาดการณ์ไว้

ส่วนปัจจัยจากตลาดต่างประเทศ มองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2 ครั้งในปีนี้ จากแรงกดดันเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อีกทั้งในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการเลือกตั้งรัฐมนตรีของสหรัฐฯ ซึ่งตามสถิติแล้วการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นจะไม่ปรับตัวลง อาจส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย

"ภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี บล.โกลเบล็ก มองว่ายังคงมีความอ่อนไหวไปตามตลาดต่างประเทศ จากข่าวต่างๆที่เกิดขึ้น ขณะที่เงินทุนเคลื่อนย้ายก็อาจจะเริ่มไหลออกไปบ้าง จากมีการคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนมิ.ย.59 ทำให้การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เข้ามาไม่เต็มที่"

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามดูการลงทุนภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าน่าจะเกิดการลงทุนอย่างเร็วในช่วงปลายปีนี้ และอย่างช้าต้นปีหน้า โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ที่จะส่งผลดีต่อการลงทุนภาคเอกชน ทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ และรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น อีกทั้งภาวะการเมืองในประเทศที่จะมีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ หากสามารถผ่านไปได้ก็อาจจะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย แต่หากไม่ผ่านก็จะส่งผลเชิงลบ โดยเฉพาะการลงทุนของต่างชาติที่อาจจะยังคงติดลบต่อเนื่อง

ทั้งนี้ GBS แนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น BANPU จากราคาถ่านหินเริ่มปรับตัวขึ้น และยังได้ผลตอบแทนในรูปแบบกำไรจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า, กลุ่มรีเทล อย่าง HMPRO ที่ได้รับผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำ KCE คาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่, กลุ่มไฟแนนซ์ รับผลดีดอกเบี้ยต่ำ ส่วนหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง คือ กลุ่มยานยนต์ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น

ด้านนายธราภุช คูหาเปรมกิจ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำทางโกลเบล็กมีมุมมองไซต์เวย์อัพ โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,310-1,340 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปัจจัยสำคัญ คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ถ้าชะลอออกไปก็อาจจะมีแนวโน้มทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นได้บ้าง แต่หากปรับขึ้นอย่างรวดเร็วก็อาจจะทำให้ราคาทองคำเหวี่ยงตัวแรง

แนะนำการลงทุนทองคำ หากมีจังหวะราคาถอยตัวก็ให้ทยอยซื้อสะสม ให้กรอบ 1,170-1,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่หากมีการปรับตัวขึ้นในระดับ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ก็ให้ทยอยขาย

ส่วนเป้าหมายการซื้อขายทองคำ บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 50,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ราว 30,000 ล้านบาท โดยจะมีการจัดสัมมนา อบรม ทำการสื่อสารกับลูกค้ามากขึ้น ซึ่งจะเน้นการทำตลาดในส่วนของร้านค้าทองรายเล็ก และโปรแกรมออมทอง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ