นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าปีนี้ยอดขายทั้งปีจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% จากปีก่อนทำได้ 3,515.27 ล้านบาท และกำไรสุทธิก็น่าจะเติบโตไปตามรายได้ จากปีก่อนที่มีกำไร 397 ล้านบาท โดยจะเน้นขยายตลาดทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เถ้าแก่น้อยเป็นแบรนด์ชั้นนำในระดับเอเชีย และโกลบอลแบรนด์ต่อไป
ปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 67% จากมูลค่าการตลาดขนมขบเคี้ยวที่ทำจากสาหร่ายทั้งหมดปีละ 2,552 ล้านบาท
แผนการตลาดในปีนี้ บริษัทวางงบการตลาดในประเทศไว้ราว 5-6% ของยอดขายในประเทศ โดยยังคงเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก คือวัยทำงานและวัยรุ่น และจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น เช่น การออกสินค้ารสชาติใหม่ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ประกอบกับมีแผนทำการตลาดในช่องทางที่เป็นกลุ่มทัวร์จากต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี
นอกจากนี้ บริษัทจะใช้สื่อทางการตลาดครอบคลุม 360 องศา เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ดิจิตอลทีวี อีเว้นต์ และกิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย ซึ่งในปีนี้จะรุกหนักทั้งกิจกรรมในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพื่อให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่ทางเถ้าแก่น้อยจัดขึ้นอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งตอกย้ำภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ด้วยการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ คือ ดาราสาว ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ ที่ถือได้ว่าเป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่มีความโดดเด่นทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นด้านความสามารถและการดูแลตัวเอง ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่จะชูเรื่องของการออกกำลังกาย และการรับประทานทานอาหารที่มีประโยชน์
ส่วนการส่งออกในปีที่ผ่านมาเถ้าแก่น้อยส่งออกไป 35 ประเทศทั่วโลก และยังคงขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยจะมุ่งเน้นตลาดจีนเป็นอันดับ 1 เนื่องจากมียอดขายในปีที่ผ่านมามากกว่า 800 ล้านบาท รองลงมาคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฮ่องกง และสิงคโปร์ ส่วนตลาด CLMV นั้น มียอดขายรวมกว่า 120 ล้านบาทโดยประเทศที่มียอดขายสูง คือ เวียดนามและเมียนมา
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯก็ยังคงเน้นการรุกขยายตลาดในประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเพิ่มตัวแทนขายในประเทศจีนและอินโดนีเซีย ประกอบกับจะขยายไปสู่การทำตลาดออนไลน์อีกด้วย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น คาดว่าสัดส่วนรายได้ต่างประเทศปีนี้จะอยู่ระดับ 55% จากปีก่อน 52% ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างศึกษาขยายตลาดเพิ่มเติมอีก โดยมีความสนใจในประเทศญี่ปุ่นและโซนอเมริกา ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการส่งสินค้าไปทดลองขายแล้ว หากได้รับการตอบรับที่ดี บริษัทก็จะขยายตลาดทันทีเพื่อดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้น
สำหรับการลงทุนโรงงาน ที่โรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ในช่วงต้นปี 60 ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวหรือราว 8,000 ตัน/ปี จากเดิม 4,000 ตัน/ปี ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับการขยายตลาดได้อีกมาก
"ภาพรวมการตลาดในปีนี้ เรามองว่าเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น ส่งผลดีต่อสินค้าของเรา ซึ่งจับกลุ่มรีเทลก็ยังเติบโตได้ดี โดยในไตรมาส 1/59 เราโตราว 3% ก็คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตที่ดีมากขึ้น ซึ่งวางเป้าหมายทั้งปีจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% ก็น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายได้ และเราก็มีการทำการตลาดครอบคลุม 360 องศา เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และการดึงพรีเซนเตอร์ที่เป็นแบบอย่างให้กับวัยรุ่น เพื่อสร้างจุดขายให้กับแบรนด์สินค้า ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับกิจกรรมของเถ้าแก่น้อย" นายอิทธิพัทธ์ กล่าว
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนจะเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ต่อนักลงทุนสถาบันต่างประเทศในช่วงกลางเดือน มิ.ย.59 ที่ประเทศสหรัฐฯ คาดหวังว่าจะมีบรรดากองทุนเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว จากก่อนหน้านี้ได้เข้าไปโรดโชว์ที่สิงค์โปร์ซึ่งได้ผลตอบรับดีมากจากกองทุนต่างชาติ