นายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยขณะนี้มีน้ำหนักเชิงลบ เนื่องจากกระแส Fund Flow ต่างชาติที่พลิกเป็นฝั่ง Net Sell ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.ราว 1 พันล้านบาท หลังจากค่า P/E ของตลาดฯ ปรับตัวขึ้นมาระดับที่ค่อนข้างสูงราว 20.5 เท่า
แต่คาดว่า SET ในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีแรงซื้อดักผลประกอบไตรมาส 1/59 ช่วยพยุงดัชนีในจังหวะที่อ่อนตัว จึงประเมินว่า SET จะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,350-1,370 จุด โดยแนะนำรอซื้อเล่นรีบาวด์ช่วงอ่อนตัวในกลุ่มที่มีปัจจัยบวก แนะนำ หุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 1/59 เติบโต ได้แก่ AOT, BA, AAV, CPF, WORK, SMT, LPN , RICHY และ PTG
ด้าน น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มฟื้นตัว ส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน บวกกับประเทศจีนมีรายงานยอดการส่งออกในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ต่ำกว่าคาดและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมิถุนายน
อย่างไรตาม ก็ยังมีปัจจัยที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยมาจาก Fund flow ของนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและตลาด TFEX และตัวเลขการส่งออกที่ไม่รวมทองคำยังหดตัว นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยว่าสินค้าไทยถูกหลายประเทศเล่นงานทั้งในเรื่องตอบโต้การทุ่มตลาด-เซฟการ์ด ทำให้ต้นทุนส่งออกพุ่งขึ้น และสูญเสียศักยภาพการแข่งขัน
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาคือวันที่ 11 พ.ค. 59 มีกำหนดประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/59 ซึ่งคาดการณ์ว่าที่ประชุมฯน่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมที่ 1.5% และวันที่ 16 พ.ค. 59 เป็นวันสุดท้ายในการส่งงบการเงินไตรมาส 1/59 ของบริษัทจดทะเบียน
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัดเปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลง 5 เหรียญ/ออนซ์ หรือคิดเป็น 0.39% ปิดที่ระดับ 1,287 เหรียญ/ออนซ์ โดยราคาทองพักตัวกรอบแคบในช่วงต้นสัปดาห์หลังราคาทองปรับขึ้นมาแรงในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า และการพักตัวเกิดจากแรงขายทำกำไร รวมถึงแรงกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไรค่าเงินรวมถึงการที่นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ส่วนสหรัฐเผยตัวเลขดัชนีภาคบริการมีการขยายตัวมากกว่าคาดในเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงท้ายของสัปดาห์หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนเมษายน ปรับเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 7 เดือน บ่งบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวดีซึ่งได้จุดกระแสการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิคราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหลังทดสอบแนวรับเส้น 10 วันและขึ้นมายืนเส้น 5 วันได้อีกครั้งด้วยการสร้างแท่งเทียนสัญญาณบวก สอดคล้องกับการเกิดแนวขึ้นช่วงแขน BULLISH FLAG รวมถึงค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้น โดยมีแนวรับ 1,265-1,260 เหรียญต่อทรอยออนซ์ แนวต้าน 1,305-1,310 เหรียญต่อทรอยออนซ์