นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์เพื่อปรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่คาดว่าทั้งปีนี้จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จาก 740.11 ล้านบาทในปีก่อน หลังในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น 26.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับผลบวกจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นตามแผนการขยายตลาด และเงินบาทที่อ่อนค่า
"เป้าหมายรายได้ทั้งปี 59 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 58 มั่นใจจะเป็นไปตามนั้นได้ไม่ยาก เนื่องจากผลงานไตรมาสแรกของปีที่ออกมาเติบโตเกินเป้าหมายที่บริษัทวางไว้แล้ว และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสต่อไปจากนี้ได้ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์เพื่อปรับเป้าหมายรายได้เพิ่มในช่วงครึ่งปีหลังนี้อีก จากการรุกการตลาดและการขายอย่างจริงจัง ทั้งจากลูกค้ารายเก่าและรายใหม่ อาทิ จีน และญี่ปุ่น เนื่องจากเห็นโอกาสในการขายที่เพิ่มขึ้น และมุ่งเน้นการขยายไปยังกลุ่มประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม นอกจากยุโรปที่เป็นตลาดหลัก"นายจิตติพร กล่าว่
นายจิตติพร กล่าวอีกว่า โรงงานแห่งใหม่ของบริษัทที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง จะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 3/59 จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรืออยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นตัน/1 กะ (8 ชั่วโมง) คิดเป็นยอดขายราว 1,000 ล้านบาท/ปี อีกทั้งโรงงานใหม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ถึง 2 กะ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 บริษัทสามารถทำสถิติใหม่เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 34.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.46% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้า และการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น โดยรายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 221.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.84% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามปริมาณการขายสินค้าเพิ่มขึ้น 18.94% และการอ่อนค่าของสกุลเงินบาท
ขณะที่ต้นทุนขายอยู่ที่ 144.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้า เท่ากับ 34.74% เพิ่มขึ้นจาก 27.69% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการประหยัดจากขนาดและการอ่อนค่าของสกุลเงินบาท
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขาย 14.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.61% โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับรายได้จากการขายและการเพิ่มขึ้นของพนักงานฝ่ายขายเพื่อรุกตลาดอย่างจริงจัง และค่าใช้จ่ายในการบริหาร 27.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.76% จากการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าคลังสินค้า ค่าบริการอื่นๆ ค่าเสื่อมราคาพาหนะสำนักงาน และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
"อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 34.74% ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากลูกค้าของบริษัทฯเริ่มมีการรับรู้ราคาสินค้าที่ปรับขึ้นในช่วงที่ ผ่านมาจากปัญหาค่าเงินยูโรในช่วงก่อนหน้านี้ อีกทั้งสามารถขายสินค้าทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการขายสินค้าประเภทเครื่องดื่มได้เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ส่งผลให้มีปริมาณการขายในไตรมาส 1/59 โตขึ้น 18.94% หรืออยู่ที่ 3,316 ตัน จากไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 2,788 ตัน ขณะที่บริษัทลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ สิ้นไตรมาส 1/59 บริษัทมียอดขายเป็นเงินบาท 60% สกุลเงินยูโรเหลือเพียง 5% สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 35% จากก่อนหน้านี้ยอดขายของบริษัทฯ ส่วนใหญ่ใช้สกุลเงินยูโรเป็นหลัก ทำให้บริษัทไม่ต้องกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า และลดความเสี่ยงในเรื่องขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ตามแผนที่วางไว้"นายจิตติพร กล่าว