บมจ. ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง (ECL) ร่วมทุนพรีเมี่ยมไฟแนนซ์เชียล เซอร์วิส (PFS) ธุรกิจลีสซิ่งจากญี่ปุ่น เปิดทาง PFS ถือหุ้นเพิ่มหวังอาศัยความชำนาญในธุรกิจและความแข็งแกร่งของเงินทุน รุกตลาดสินเชื่อรถยนต์มือสองในไทยตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 20% เป็นอันดับหนึ่งในไทยภายใน 3 ปี พร้อมแผนต่อเนื่องเตรียมสยายปีกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต ขณะที่มั่นใจปีนี้กำไรสุทธิจะเติบโตจากปีก่อน แม้ว่าในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีนี้จะต้องตั้งสำรองฯเพิ่มจากการขยายธุรกิจก็ตาม
นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ECL เปิดเผยว่า การร่วมมือกับพันธมิตรญี่ปุ่นก็จะช่วยเพิ่มฐานทุนที่แข็งแกร่ง และรองรับการปล่อยสินเชื่อได้ถึง 1 หมื่นล้านบาท และยังมีความพร้อมที่จะบุกตลาด โดยหลังจากนี้จะวางแผนการตลาดด้วยกัน และพยายามหาสินค้าใหม่เข้ามาเสริม ในขณะเดียวกันยังจะร่วมกันขยายตลาดในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพิ่มเติมด้วย โดยปัจจุบันมองโอกาสในประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชา
สำหรับแผนความร่วมมือกับพันธมิตรญี่ปุ่นดังกล่าว บริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1.095 พันล้านบาท จากเดิมที่ 892.16 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ PFS เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 25.50% เบื้องต้นเมื่อบริษัทได้รับเงินชำระค่าหุ้นจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้แล้ว และจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมที่มีอยู่ในปัจจุบัน
บริษัทจะมีการขยายการดำเนินธุรกิจหลายด้าน ทั้งการให้สินเชื่อรถยนต์มือสอง การให้สินเชื่อประเภทอื่นที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ รวมถึงการขยายธุรกิจเพิ่มเติมในด้านการรับประกันชิ้นส่วนรถยนต์ (Extended warranty) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ PFS มีความเชี่ยวชาญนั้น คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปีนี้ และยังจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งบริษัทจะทยอยเบิกใช้เงินจากสถาบันการเงินต่อไปตามขนาดธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทดำเนินธุรกิจด้านการให้สินเชื่อสำหรับรถยนต์ให้กับตลาดรถยนต์ใหม่ และรถยนต์มือสอง และเมื่อปี 57 บริษัทได้เริ่มต้นความร่วมมือทางธุรกิจกับ PFS โดยเบื้องต้นเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ความชำนาญด้านการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง การสนับสนุนการร่วมมือทางธุรกิจและการพัฒนาธุรกิจเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และการสนับสนุนในการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิ ด้านประกันภัยเกี่ยวกับรถยนต์เป็นต้น ก่อนจะนำมาซึ่งการร่วมทุนในปัจจุบัน
นายดนุชา กล่าวว่า แนวทางการบุกตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์นับจากนี้ไป ทางบริษัทเชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่การขยายตัวในธุรกิจประเภทนี้จะอยู่ตามเต๊นท์รถมือสองโดยทั่ว ๆ ไป แต่นับจากนี้จะมีการยกระดับและพัฒนาคุณภาพของคำว่า เต๊นท์รถมือสอง ไปสู่การสร้างแบรนด์ของกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์มือสอง (Modern trade) ให้มีความน่าเชือถือด้วยการเพิ่มคุณค่าของการทำการตลาดเข้าไป ซึ่งทาง PFS มีความชำนาญในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น และก็เชื่อว่าจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เกิดขึ้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในตลาดนี้ได้อย่างแน่นอน
"ผลจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ชะลอตัวลง หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น และไฟแนนซ์ยังเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อีกด้วย อีกทั้งยังมีในเรื่องของภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ที่ทำให้ราคารถป้ายแดงเพิ่มขึ้น 5-10 % ส่งผลกระทบต่อผู้ที่กำลังคิดจะซื้อรถยนต์ใหม่ ทำให้ที่ผ่านมารถยนต์มือหนึ่งมียอดขายลดลงอย่างมาก แต่ด้านยอดขายรถยนต์มือสอง กลับมีการขยายตัวที่ดีขึ้น อีกทั้งราคากลับมาสมดุลกับสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้น แนวโน้มปีนี้ยอดขายรถยนต์มือสอง จึงมีโอกาสขยายตัว 20% หรือมียอดขาย 2 ล้านคัน ซึ่งตรงนี้ คือ โอกาสของเรา"นายดนุชา กล่าว
นายดนุชา กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าการเปิดเกมรุกในธุรกิจครั้งนี้จะทำให้ ECL ครองส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 20% ภายในระยะเวลา 3 ปี และจะทำให้บริษัทก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ และด้วยศักยภาพของ PFS บริษัทอาจจะมีแผนการขยายการธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอนาคตอีกด้วย และการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับ PFS นั้น ยังจะช่วยขยายฐานลูกค้าสินเชื่อรถยนต์มือสอง และพัฒนาธุรกิจการรับประกัน (การรับประกันชิ้นส่วนรถยนต์) และธุรกิจใหม่อื่น ๆ อันจะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตต่อไปในอนาคต
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ นายดนุชา กล่าวว่า บริษัทมั่นใจกำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าระดับ 49.77 ล้านบาทในปีก่อน แม้ว่าจะต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นตามการขยายธุรกิจราว 38 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีนี้ก็ตาม แต่การขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นและการขยายสาขาเพิ่ม รวมถึงการเริ่มปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ตั้งแต่เดือนมิ.ย.59 นี้จะช่วยหนุนกำไรสุทธิของบริษัท
บริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อคงค้างปีนี้จะขึ้นไปแตะ 3 พันล้านบาท หลัง 4 เดือนที่ผ่านมามียอดสินเชื่อใหม่เข้ามาแล้ว 300 ล้านบาท จากปีก่อนมียอดสินเชื่อคงข้างอยู่ที่ 2 พันล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อจะขึ้นไปแตะระดับ 5 พันล้านบาท ภายใน 2 ปี และมีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์มือสองขึ้นเป็น 20% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%
สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้จะเร่งการปล่อยสินเชื่อ และพยายามดูสินค้าอื่นเข้ามาเพิ่มเติม และจากการสนับสนุนจากแบงก์ที่พร้อมจะเพิ่มวงเงินให้กับ ECL ซึ่งจะช่วยสนับสนุนมีการเติบโต ประกอบกับในปีนี้มีแผนจะขยายสาขามากขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่ 5 สาขา
นายดนุชา กล่าวว่า บริษัทจะเริ่มปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ในไตรมาส 2/59 หรือในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ หลังได้ไลเซ่นส์แล้ว โดยคาดว่าจะมีลูกค้า 200-1,000 รายในช่วงปีแรก ซึ่งบริษัทมีความพร้อมที่จะปล่อยสินเชื่อ และมีการเตรียมการไว้รองรับ โดยมองว่าตลาดยังมีโอกาสในการเติบโต