บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ในปีนี้เป็น 5.3 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 5.2 หมื่นล้านบาท หลังจากไตรมาสแรกของปีนี้เปิดมาได้สวย โดยขณะนี้มีมูลค่ายอดขายรอโอน (backlog) แล้ว 2.54 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีกำหนดรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 1.43 หมื่นล้านบาท และบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 60-65 โครงการในปีนี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 5.0-5.4 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกเปิดตัวไปแล้ว 10 โครงการ
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม PS เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีการปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปีนี้ใหม่เป็น 53,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากสินค้าในกลุ่มทาวน์เฮาส์ 45% บ้านเดี่ยว 28% และคอนโดมิเนียม 27% ขณะที่คาดกำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติใหม่สูงสุด จากปีก่อนทำได้ 7,680 ล้านบาท เป็นไปตามรายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้น และเน้นกลยุทธิ์ลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะอยู่ที่ 33-34% และอัตรากำไรสุทธิ 15%
ส่วนยอดขายปีนี้ยังคงเป้าหมายเดิมที่ 51,000 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 1/59 ทำได้แล้ว 9,825 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสแรกบริษัทไม่มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม ทำให้ยอดขายปรับตัวลง แต่ในช่วงไตรมาสสองเป็นต้นไป ก็จะเริ่มเปิดโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น น่าจะส่งผลให้ยอดขายโดยรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรัลปัจจัยที่ทำให้บริษัทปรับรายได้ขึ้น เนื่องจากได้รับผลบวกจากมาตรการภาครัฐที่เข้ามากระตุ้นด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ช่วงที่ผ่านมามีการโอนกรรมสิทธิ์ของคอนโดมิเนียมหลายโครงการ โดยไตรมาสแรกมีการเติบโตราว 23.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (backlog) รวม 25,464 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ราว 14,386 ล้านบาท
แผนการเปิดโครงการใหม่ทั้งปีนี้อยู่ที่ 60-65 โครงการ มูลค่ารวม 50,000-54,000 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 1/59 ได้เปิดตัวโครงการใหม่รวม 10 โครงการ แบ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 9 โครงการ และบ้านเดี่ยว 1 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 7,410 ล้านบาท และในไตรมาส 2/59 คาดจะเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องราว 24 โครงการ ,ไตรมาส 3/59 อีก 17 โครงการ และไตรมาส 4/59 จำนวน 14 โครงการ ขณะที่ ณ สิ้นไตรมาส 1/59 ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายอีก 171 โครงการ มูลค่า 78,691 ล้านบาท
ด้านงบลงทุนซื้อที่ดินปีนี้ตั้งไว้กว่า 10,000 ล้านบาท โดยใช้ไปแล้ว 30% ของงบลงทุนดังกล่าว ซึ่งทำเลของพื้นที่จะขึ้นอยู่กับประเภทของโครงการนั้นๆ
"สิ่งที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายรายได้ 53,000 ล้านบาทนั้น จะมาจากยอดขายรอโอนที่ปีนี้จะมีการรับรู้รายได้ราว 14,386 ล้านบาท และยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย แบ่งเป็น แนวราบ 140 โครงการ แนวสูง 31 โครงการ มูลค่ารวม 78,691 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/59 เราสามารถทำรายได้เติบโตราว 10,283 ล้านบาท จากที่มีสัดส่วนบ้านราคาต่ำกว่า 3.0 ล้านบาท ส่งผลให้ลูกค้าสนใจในสินค้าของเรามากขึ้น บวกกับมาตรการรัฐที่เข้ามาช่วย"นายเลอศักดิ์ กล่าว
นายเลอศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างกิจการของ PS ให้เป็น บริษัทโฮลดิ้ง ภายใต้ชื่อ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน พ.ย.นี้ โดยภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เสร็จสิ้น หุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้งจะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แทนหุ้นสามัญของ PS ที่จะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเวลาเดียวกัน
ภายหลังจากเปลี่ยนโครงสร้างเป็นบริษัทโฮลดิ้งแล้ว จะมุ่งเน้นธุรกิจที่มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) ที่มั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้ ธุรกิจที่เป็นการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องนี้อาจเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญอย่างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย หรือธุรกิจใหม่ที่อาจไม่มีความเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มลงทุนในธุรกิจที่สร้าง Recurring Incomeได้ในช่วงต้นปี 60 และภายใน5 ปี (60-64) คาดหวังสัดส่วนรายได้ไม่เกิน 10% ของรายได้รวม
นายปิยะ ประยงค์ กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจแวลู PS กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปีนี้ น่าจะยังเติบโตประมาณ 8% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 383,183 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่าตลาดรวมที่ 354,799 ล้านบาท ซึ่งจากการสำรวจพบว่ายังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง ทั้งนี้ สินค้าที่คาดว่าโครงการทาวน์เฮาส์จะเติบโตสูงสุด หรือเติบโตประมาณ 10% จากปีก่อนที่มีมูลค่าตลาดรวม 71,679 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทเตรียมพัฒนาโครงการใหม่ๆ รองรับความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และยังมีแผนขยายตลาดในกลุ่มสินค้าต่างๆ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ครอบคลุมทุกเซ็กต์เมนต์มากขึ้น รวมทั้ง ตลาดต่างจังหวัดที่ในช่วงไตรมาส 1/59 มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 28,299 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯยังคงเน้นลงทุนในจังหวัดใหญ่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวและมีแหล่งนิคมอุตสาหกรรม เช่น ชลบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น