KOOL คงเป้ายอดขายปีนี้โต 40% แม้ Q1/59 ทะลุเป้า,รุกตลาดส่งออก-รักษาช่องการขายในปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 12, 2016 13:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บมจ.มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล (KOOL) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 40% จากปีก่อน แม้ในช่วงไตรมาส 1/59 ยอดขายเติบโตกว่า 61% ก็ตาม ขณะที่ยังเดินหน้าแผนการทำตลาดส่งออก และการรักษาช่องทางการทำตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง

สำหรับตลาดรวมของสินค้ากลุ่มเครื่องทำความเย็นทั้งแอร์และพัดลมรวมกันเฉลี่ยเติบโตไม่ถึง 5% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 27,000 ล้านบาท ส่วนตลาดพัดลมไอเย็นปีที่แล้วมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยมาสเตอร์คูลคาดว่ามีส่วนแบ่งตลอด 50% และในอนาคตตลาดพัดลมไอเย็นคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเครื่องทำความเย็นทั้งแอร์และพัดลม ประมาณ 3,000-6,000 ล้านบาท

"ขณะนี้ความต้องการของตลาดพัดลมไอเย็นสำหรับผู้บริโภคถือว่ากำลังพัฒนาไปสู่ทางเลือกปกติ ประกอบกับปีนี้สภาพอากาศร้อนจัดและยาวนานตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ และคาดว่าจะยาวไปถึงช่วงเดือนกรกฎาคม ทำให้ความต้องการสินค้าพัดลมไอเย็นของบริษัทยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ในทุกช่องทางการขายทั้งโมเดิร์นเทรด ดีลเลอร์ และช่องทางออนไลน์"นายนพชัย กล่าว

นายนพชัย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทถือว่ามีทิศทางที่ดี โดยมีรายได้รวม 228 ล้านบาท เติบโตถึง 61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาสแรกอยู่ที่ 16 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่า 170% ของกำไรสุทธิตลอดทั้งปี 58 และสูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้อย่างมาก

การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีการขยายช่องทางการตลาดที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นห้างโมเดิร์นเทรด เทสโก-โลตัส ที่มีการวางจำหน่ายสินค้าใน 42 สาขาทั่วประเทศ และการได้พันธมิตรใหม่อย่าง บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าในระบบขายตรงแบบเช่าซื้อ ที่มีประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าและให้ความรู้แก่ผู้บริโภค นับเป็นการเพิ่มช่องทางการขายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่บริษัทยังเข้าไม่ถึง

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิสูงกว่าประมาณการ คาดว่าปีนี้อัตรากำไรสุทธิจะเป็นไปตามเป้าหมายปกติของบริษัทซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6-7%

ส่วนไตรมาส 2/59 บริษัทคาดว่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเมินสภาพอากาศจะยังคงร้อนจัด และในช่วงดังกล่าวถือเป็นไฮซีซั่นของทุกปี ดังนั้น บริษัทจะยังคงรักษาช่องทางการทำตลาดในประเทศ ควบคู่ไปกับการทำตลาดส่งออกที่จะเริ่มมีออเดอร์เข้ามาในช่วงไตรมาส 3 และ 4 โดยเฉพาะประเทศในแถบซีกโลกใต้ ได้แก่ แอฟริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย อเมริกาใต้ และนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในช่วงฤดูร้อน ตรงข้ามกับสภาพอากาศฝั่งเอเชีย และยังมีตลาดในประเทศแถบอาเซียนที่ยังคงเป็นตลาดหลัก

ปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ตลาดส่งออกมากกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ