นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 (มกราคม-มีนาคม) ว่า บริษัททำรายได้รวม 605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 567 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิของบริษัทใหญ่ 68 ล้านบาท ลดลงเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่,uกำไร 80 ล้านบาท
สำหรับรายได้ในไตรมาสแรกที่เติบโตขึ้นมาจากตลาดต่างประเทศที่เติบโตดี โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างประเทศจีนและอินโดนีเซียที่มียอดขายเติบโตขึ้น หลังจากที่ตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีนได้กระจายสินค้าเข้าสู่ช่องทางจำหน่ายไปถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อภาพรวมในไตรมาสแรกปีนี้
ขณะที่ตลาดในประเทศอินโดนีเซียก็กลับมามียอดขายเติบโตที่ดี โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 51% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากเศรษฐกิจอินโดนีเซียฟื้นตัวดีขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายในอินโดนีเซียทำกิจกรรมการตลาด ณ ช่องทางขาย รวมถึงจัดชั้นวางสินค้าเพื่อสร้างความโดดเด่นให้แก่ผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ผู้บริโภคให้การตอบรับที่ดีมากขึ้น ส่วนตลาดในประเทศนั้น บริษัทฯ มีการจัดแคมเปญกิจกรรมการตลาดพร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่รับฤดูกาลขายสินค้า ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของ SAPPE เติบโตได้ดีขึ้น
นางสาวปิยจิต กล่าวว่า เป้าหมายในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมาจากยอดขายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งจีนและอินโดนีเซียมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/59 จากกิจกรรมทางการตลาดที่ออกไปในช่วงหน้าร้อน แม้จะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายทางการขายและการตลาดในไตรมาส 1 ปีนี้อยู่ในระดับค่อนข้างสูง แต่ระดับค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งปีจะยังคงอยู่ในงบประมาณเดิมที่วางไว้
ส่วนประเด็นที่ภาครัฐมีแนวคิดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมน้ำตาลเกินมาตรฐาน 2 อัตรา ได้แก่ 20% และ 25% นั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับ SAPPE เนื่องจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกลุ่มฟังก์ชันนอล ดริ้ง อย่าง ‘เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้ง’เนื่องจากไม่ได้ใช้น้ำตาลเป็นสารให้ความหวาน จึงไม่เข้าเกณฑ์การเก็บภาษีสรรพสามิตดังกล่าว