นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการ บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA)เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/59 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานระดับพรีเมี่ยม เพิ่มมากขึ้นตามแผนที่ได้วางไว้ โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการขยายพื้นที่เช่าไว้ที่ 250,000 ตารางเมตร นำโดย Built-to-Suit โดยไตรมาส 1/59 มีสัญญาเช่าใหม่เพิ่มกว่า 51,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าในการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในปีนี้ 1,000 ไร่ และดำรงรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม
สำหรับความคืบหน้าของในการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT) เพื่อการนำทรัพย์สินของ บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) ขายให้กับกอง REIT นั้น บริษัทคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ของปีนี้
พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมขายทรัพย์สินเพิ่มเติมของ WHA เข้ากองทรัสต์ WHART ในมูลค่าประมาณ 4,190 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน พ.ย.59 โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ทั้งของ HEMRAJ และ WHA บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อเป็นการลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท ตามแผนการลดภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงินที่บริษัทวางไว้
และในเร็ว ๆ นี้บริษัทเตรียมเดินสายนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนสถาบันในประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับธนาคารดอยซ์แบงก์ และประเทศฮ่องกงกับบริษัทหลักทรัพย์ CLSA และมีแผนในการเดินสายโรดโชว์กลุ่มนักลงทุนสถาบันแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น เพื่อเป็นการตอกย้ำศักยภาพ การเป็นผู้นำด้านการให้บริการครบวงจรด้าน Real Sector นิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทและกิจการร่วมค้า 1,730.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 215.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 548.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 119.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 4.5 ล้านบาท
ในไตรมาส 1/59 บริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการรับรู้รายได้และผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของ HEMRAJ ตั้งแต่ต้นปี 59 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ ซึ่งรวมถึงรายได้จากการให้บริการระบบสาธารณูปโภคเติบโตขึ้น 202.4% หรือ 541.4 ล้านบาท จาก 267.5 ล้านบาท ในไตรมาส 1/58 เป็น 808.8 ล้านบาทในไตรมาส 1/59
นอกจากนี้ บริษัทยังรับรู้รายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอีกจำนวน 361.5 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อน 202.5 ล้านบาท หรือ 127.3% ตลอดจนการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจโรงไฟฟ้าอีกจำนวน 456.2 ล้านบาท จากเดิมที่ 76.0 ล้านบาท ในไตรมาส 1/58 ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ 500.2% หรือ 380.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปี 58