นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) กล่าวว่า บริษัทมีแผนพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปี 59 ในช่วงครึ่งปีหลัง จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ราว 10-15% เนื่องจากไตรมาสแรกสามารถทำรายได้เติบโตสูงถึง 46.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะเดียวกันก็มองว่าในไตรมาส 2/59 ยอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ สาหร่ายอบสไตล์เถ้าแก่น้อย ซึ่งน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค รวมถึงไตรมาส 3-4 ปกติเป็นช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจ จึงทำให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานปีนี้น่าจะทำสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไรสุทธิ
ทั้งนี้ บริษัทยังตั้งเป้ารายได้ภายใน 3 ปีจากนี้จะเติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท และคาดจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากปีนี้น่าจะอยู่ที่ 55% ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินงานที่จะเน้นการขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีแผนขยายตลาดเพิ่มอีกไปยัง เซี่ยงไฮ้ และกวางเจา หลังมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับ บริษัทยังมองการกระจายสินค้าไปยังช่องทางอื่นๆ เช่น สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น ส่วนในประเทศอินโดนีเซีย ก็มีแผนที่จะปรับแพคเกจจิ้งใหม่เพื่อสร้างจุดขายให้กับตัวผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามก็อยู่ระหว่างศึกษาขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก
ขณะที่ตลาดในประเทศ บริษัทก็ยังคงมีการทำตลาดและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าอยู่ราว 150 หน่วย (sku) โดยมีนโยบายการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ปีละ 2-3 sku ขณะที่ปีนี้ก็จะมีการลงทุนขยายสาขาเถ้าแก่น้อยแลนด์ เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ เชียงใหม่ และพระราม 9 จากปัจจุบันมีทั้งหมด 5 สาขา
"ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ดีมากของเถ้าแก่น้อย ตั้งแต่ไตรมาสแรกเรามีสามารถทำรายได้เติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเชื่อว่าไตรมาส 2-3-4 นี้ จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมทั้งปีรายได้และกำไรสุทธิน่าจะเติบโตทำสถิติสูงสุด ขณะที่เรามีการรุกตลาดส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีน ที่ถือว่ามียอดขายสูงสุดของตลาดต่างประเทศ ส่วนในประเทศอื่นๆ อย่าง CLMV ก็ยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และเราก็ยังมองการขยายตลาดเพิ่ม ซึ่งสนใจประเทศสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายภายใน 3 ปี จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากปีนี้น่าจะทำได้ 55%"นายอิทธิพัทธ์ กล่าว