นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนเพิ่มเติมในการเข้าซื้อธุรกิจโซล่าร์ฟาร์มในจีนและญี่ปุ่น แม้ว่าขณะนี้กำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซล่าร์ฟาร์มคาดว่าจะทะลุเป้าหมาย 100 เมกกะวัตต์หลังจากบริษัทเข้าซื้อโซล่าร์ฟาร์มในจีน และญี่ปุ่นได้ครบตามแผนงาน แบ่งเป็น โซลาร์ฟาร์มในจีน 78.5 เมกกะวัตต์ และโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น 20.8 เมกกะวัตต์
ล่าสุด บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ในเครือ BANPU ทำสัญญาเพื่อครอบครองสิทธิในการซื้อหุ้นในอนาคตในสัดส่วน 100% ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจีนจำนวน 4 โครงการในมณฑลซานตง กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 78.5 เมกะวัตต์ การซื้อหุ้นภายใต้สัญญานี้จะกระทำบนเงื่อนไขที่โครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์และเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่เครือข่ายสายส่งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงกลางปี 59
นางสมฤดี กล่าวว่า การนำ BPP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นยังเดินหน้าตามแผนงาน แต่คงต้องรอดูภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย เนื่องจากบริษัทต้องการระดมทุนในมูลค่าสูง ซึ่งมีโอกาสที่จะนำ BPP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในครึ่งปีหลังนี้
สำหรับทิศทางผลประกอบการของ BANPU นั้น นางสมฤดี กล่าวว่า บริษัทคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2/59 จะสูงกว่าไตรมาส 1/59 ที่ทำได้ 21 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าหงสาครบทั้ง 3 ยูนิตเต็มไตรมาส กำลังการผลิตรวม 1,878 เมกะวัตต์ ซึ่งยูนิตที่ 3 เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โดยบริษัทคาดจะรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าหงสาราว 70 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ปริมาณการขายถ่านหินไตรมาส 2/59 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/59 ที่มีปริมาร 11.3 ล้านตัน แบ่งเป็น ถ่านหินจากเหมืองในอินโดนีเซียจำนวน 6.9 ล้านตัน เหมืองในออสเตรเลียจำนวน 3.4 ล้านตัน และ เหมืองในจีนจำนวน 1 ล้านตัน ซึ่งบริษัทยังมั่นใจว่าปริมาณการขายถ่านหินในปี 59 จะเป็นไปตามเป้าหมาย 46.3 ล้านตัน
ส่วนแนวโน้มราคาขายถ่านหินในไตรมาส 2/59 คาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาส 1/59 ที่ระดับ 49.2 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งราคาขายถ่ายหินในจีนยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาตลาดหลังจากปริมาณความต้องการปรับลดลง และมองว่าราคาขายถ่านหินในปี 59 จะต่ำกว่าปีก่อน โดยลดลงมาอยู่ที่ 47-48 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 52 เหรียญสหรัฐ/ตัน