นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) เปิดเผยถึงทิศทางดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับการมุ่งพัฒนาและเพิ่มการขายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับบริโภคและอุปโภคเพื่อใช้ถนอมและยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ สืบเนื่องมาจากแนวโน้มความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสดและกลุ่มอาหารแปรรูปทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 มีอัตราการขยายตัวที่ดี โดยทำรายได้จากการขาย 1,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 1,064 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 96.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 78.3 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยความสำเร็จของผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้ มาจากการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทหูหิ้วและถุงขยะ ที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำสัดส่วนรายได้หลักของทาง TPBI และกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับการอุปโภคและบริโภค (Flexible Packaging) ที่มีอัตราการขยายตัวที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริหารจัดการด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพด้วยการนำเม็ดพลาสติกคอมพาวด์ ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตเองได้มาใช้ในกระบวนการผลิตซึ่งมีต้นทุนถูกกว่าการซื้อจากภายนอก จึงส่งผลให้ภาพรวมต้นทุนการดำเนินงานของ TPBI ลดลงและช่วยเพิ่มกำไรสุทธิให้เติบโตขึ้น
ขณะเดียวกัน กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับการอุปโภคและบริโภค เพื่อใช้ถนอมและยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิล์มลามิเนตและฟิล์มแบริเออร์ ที่เหมาะสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทอาหารสดและอาหารสำเร็จรูปยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
"เรามีความแข็งแกร่งด้านบริหารจัดการด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพ โดยนำเม็ดพลาสติกคอมพาวด์ที่เรามีความสามารถผลิตได้เองมาช่วยเรื่องของการควบคุมต้นทุนที่ดี รวมถึงกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทหูหิ้วและขยะ ซึ่งเป็นพอร์ตสินค้าหลักของ TPBI ขยายตัวได้ดี และกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับการอุปโภคและบริโภคที่ทางบริษัทฯให้ความสำคัญโดยมีการขยายฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย จึงส่งผลต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ให้เติบโตได้โดดเด่น"นายกมล กล่าว