นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรจะมากกว่าไตรมาส 1/59 และช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้มองว่าปริมาณขายจะทรงตัว และราคาขายทำได้ดีขึ้น รวมทั้งได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าแนวโน้มไตรมาส 2/59 ปริมาณการขายยางมะตอยรวมของบริษัทจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/59 ที่อยู่ในระดับ 600,000 ตัน แม้ปริมาณการขายในประเทศคาดว่าจะลดลงราว 20% จากไตรมาส 1 /59 ที่มีปริมาณ 174,000 ตัน ซึ่งเป็นผลโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ชะลอลง หลังจากที่เร่งตัวไปมากแล้วในไตรมาสแรก ทำให้ความต้องการใช้ยางมะตอยในประเทศมีแนวโน้มลดลง แต่ปริมาณการขายในต่างประเทศยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้นจากไตรมาส 1/59 ที่มีปริมาณขาย 426,000 ตัน เนื่องจากความต้องการใช้ยางมะตอยในจีนคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากหดตัวไปในไตรมาส 1/59 และความต้องการในอินเดียยังมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายปริมาณการขายยางมะตอยรวมปีนี้อยู่ที่ 2.6-2.7 ล้านตัน
"ปริมาณความต้องการใช้ยางมะตอยในประเทศในตอนนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับงบที่รัฐบาลจะอัดฉีดเข้ามาช่วยกระตุ้น ซึ่งหลังจากไตรมาสแรกที่มีการเร่งก่อสร้างโครงการต่างๆ ไปแล้วไตรมาส 2 และต่อๆ ไปอาจจะมีการชะลอตัวลง ซึ่งทำให้ปริมาณการขายยางมะตอยในประเทศมีแนวโน้มลดลง ซึ่งตอนนี้ก็ยังต้องหวังพึ่งงบของภาครัฐ 1.2 หมื่นล้านบาท เข้ามาช่วยกระตุ้น"นายชัยวัฒน์ กล่าว
ขณะที่แนวโน้มราคาขายยางมะตอยมีแนวโน้มที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ที่ 210 เหรียญ/ตัน จากไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 190 เหรียญ/ตัน ประกอบกับบริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีของรายได้ที่มาจากธุรกิจในต่างประเทศตั้งแต่ไตรมาสก่อน ทำให้ไตรมาส 2/59 แนวโน้มกำไรของบริษัทยังจะสูงขึ้นต่อจากไตรมาสแรก และส่งผลทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 59 คาดว่าจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5.07 พันล้านบาท
"แนวโน้มราคาขายยางมะตอยในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าปัจจุบันที่ราคาขายอยู่ที่ 210 เหรียญ/ตัน เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังเป็นหน้างานของประเทศเวียดนาม อินเดีย จีน ซึ่งจะมีความต้องการใช้ยางมะตอยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ราคาขายยางมะตอยในครึ่งปีหลังจะสูงขึ้นอีก ต่างจากช่วงครึ่งปีแรกที่ยังเป็นช่วงโลว์ซีซั่น"นายชัยวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการขยายกำลังการผลิตยางมะตอยในโรงงานผลิตที่ประเทศมาเลเซียเป็น 2 เท่า ในปี 62 จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.2 ล้านตัน/ปี และจะเพิ่มเป็น 2 เท่า มาที่ 2.4 ล้านตัน/ปีในปี 62 คาดว่าจะได้ข้อสรุปผลการศึกษาในช่วงเดือน พ.ย.ปีนี้ ส่วนงบลงทุนบบริษัทยังไม่ได้วางแผนไว้อย่างแน่นอน อีกทั้งบริษัทมีแผนที่จะซื้อเรือเพิ่มอีก 2-3 ลำตามแผนถึงปี 63 โดยคาดว่าจะใช้เงินสำหรับการซื้อเรือใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 15 ล้านเหรียญ/ลำ