นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 3 เดือนแรกของปีนี้ราว 635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปี 58 จำนวนสมาชิกรวมเติบโตใกล้แตะ 3 ล้านบัญชี โดยพอร์ตลูกหนี้และปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าอุตสาหกรรม ขณะที่ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) รวมลดเหลือเพียง 2.0%
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในช่วงที่เหลือของปี บริษัทเตรียมระดมทีมการตลาดปั้นแคมเปญโปรโมชั่นที่มีความคุ้มค่า เพื่อสร้างมูลค่าในการใช้จ่ายให้กับสมาชิกทุกไลฟ์สไตล์เป็นรายเซ็กเม้นท์ และครอบคลุมกลุ่มสมาชิกทั้งระดับบนและในวงกว้าง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้สูงขึ้น
นายระเฑียร กล่าวว่า แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้อาจจะไม่เอื้ออำนวยเท่าที่ควร แต่มูลค่าของอุตสาหกรรมบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ในส่วนของเคทีซีเองสามารถดำเนินธุรกิจให้ขยายตัวได้ดีเช่นกัน โดยมีจำนวนสมาชิก ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าอุตสาหกรรม แต่มี NPL ที่ลดต่ำลงกว่าอุตสาหกรรมมาก
"ในไตรมาสแรกนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 58 บริษัทสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น 12% เท่ากับ 4,152 ล้านบาท และยังควบคุมค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ (Operating Cost to Income Ratio) เท่ากับ 28.9% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 28.8% จึงทำให้บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 635 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีก่อน 11%"นายระเฑียร กล่าว
ณ สิ้นไตรมาส 1/59 บริษัทมีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 58,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าโดยสินทรัพย์ที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯ อยู่ในรูปของลูกหนี้การค้าสุทธิ คิดเป็น 93% ของสินทรัพย์รวม โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเมื่อหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วเท่ากับ 54,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสเดียวกันของปี 58
ขณะที่ฐานสมาชิกรวม 2.8 ล้านบัญชี เติบโต 8% แบ่งเป็น บัตรเครดิต 1,995,139 บัตร (ขยายตัว 8%) ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 36,627 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 760,736 บัญชี (ขยายตัว 8%) ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช สุทธิ 17,339 ล้านบาท ในขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมีอัตราขยายตัวถึง 15.5% สูงกว่าอัตราเติบโตของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 8.2% และมีอัตราขยายตัวสูงกว่าอุตสาหกรรมทุกเดือน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับ NPL อยู่ที่ 2.0% (ลดลงจาก 2.4%) โดย NPL บัตรเครดิตลดจาก 1.6% เหลือ 1.4% (ต่ำกว่าอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 3.6%) และ NPL สินเชื่อบุคคลลดจาก 1.1% เหลือเพียง 1.0% (ต่ำกว่าอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 3.5%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่หนี้สูญได้รับคืนในไตรมาสแรกมีมูลค่าเท่ากับ 581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ไตรมาสแรกของปี 59 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) ทั้งสิ้น 27,810 ล้านบาท เป็นวงเงินของธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 9,780 ล้านบาท โดยมีต้นทุนการเงินไตรมาสแรกนี้เท่ากับ 3.5% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.21 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า
"ในปีนี้บริษัทกำหนดเป้าหมายหลักที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้มากขึ้น ทั้งการขยายฐานลูกค้าและกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรให้เติบโตต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายการเติบโตรวมที่ 15% จึงเป็นผลให้ระดับของกำไรน่าจะอยู่ในระดับเดียวกันปี 58 โดยมุ่งเน้นการพัฒนา 3 เรื่องเป็นสำคัญ คือ การพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย และปรับกระบวนการทำงานให้เป็นแบบเบ็ดเสร็จและลดขั้นตอนการทำงานให้เหมาะสม
สำหรับแผนกลยุทธ์การตลาดต่อจากนี้จะเน้นการตอบสนองสมาชิกระดับบนและรักษากลุ่มสมาชิกในวงกว้าง (Mass) อย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นความร่วมมือในการทำงานที่สอดประสานกันระหว่างทีมการตลาด คู่ค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจที่มีอยู่เดิมและพันธมิตรรายใหม่ๆ กับทีม CRM (Customer Relations Management) ในการสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาด หรือโปรโมชั่นต่างๆ ที่สร้างมูลค่าในทุกการใช้จ่าย ให้กับสมาชิกทุกเซ็กเม้นท์ ทุกไลฟ์สไตล์อย่างครอบคลุม และต้องตรงกับความต้องการของสมาชิกด้วยอย่างแท้จริง"นายระเฑียร กล่าว