นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ปี 59 บริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่ 2,600 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่กว่า 2,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 3 ปี โดยในปีนี้จะรับรู้รายได้ 55% ทั้งนี้ บริษัทจะทยอยหางานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคตเพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทตามแผนงานที่วางไว้
ช่วงกลางปี 59 เป็นต้นไปทิศทางธุรกิจของบริษัทจะมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2-3 เนื่องจากบริษัทจะมีการส่งมอบงานให้กับลูกค้าเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากงานโครงการภาครัฐ โดยเฉพาะงานก่อสร้างถนนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท การทางพิเศษ กรมโยธาธิการ ขนส่งมวลชน งานถนนในเขตกรุงเทพ ตลอดจนโครงการภาคเอกชนซึ่งเริ่มมีการลงทุน
ในปีนี้บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการทำตลาดสินค้าคอนกรีตภาคตะวันออก เนื่องจากมีการขยายตัวของโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ไปยังร้านวัสดุก่อสร้างในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงการเข้าเสนองานใหม่ในงานโครงการภาครัฐ อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟทางคู่กรุงเทพฯ-นครราชสีมา งานก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 3 เส้นคือ รถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีชมพู และสายสีเหลือง ที่คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อผลักดันให้รับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ บริษัทยังปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อขยายฐานลูกค้า เจาะกลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย รวมถึงผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยจัดกิจกรรมการตลาดรูปแบบต่างๆ ออกบูธแสดงสินค้านำสินค้าวัสดุก่อสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่องานโครงสร้างและงานตกแต่ง อาทิ บล็อกกำแพง บล็อกกันหน้าดิน บล็อกปูพื้น อิฐมวลเบา ที่ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว เพื่อแนะนำสินค้ากับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดี โดยมีกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมากและมีออเดอร์คำสั่งซื้อจากงานดังกล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/59 มีรายได้รวมจำนวน 617.50 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจำนวน 12.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 604.75 ล้านบาท โดยรายได้รวมดังกล่าวประกอบด้วย รายได้จากการขายและการดำเนินงาน จำนวน 451.03 ล้านบาท และรายได้จากบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจ หลังหักรายการระหว่างกัน จำนวน 166.47 ล้านบาท
การเพิ่มขึ้นของรายได้รวม เกิดจากรายได้จากเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยจำนวน 30.00 ล้านบาทและรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้นของบริษัท และมีกำไรเฉพาะกิจการ จำนวน 42.11 ล้านบาท และกำไรสุทธิในงบการเงินรวม (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่) 13.64 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจำนวน 0.25 ล้านบาท หรือลดลง 1.81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่) เท่ากับ 13.89 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้รวมของกลุ่มบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาปริมาณงานภาครัฐมีการขยายตัวค่อนข้างดี ดังจะเห็นได้จากผลประกอบการรายได้รวมเฉพาะกิจการของ CCP ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจเอกชนอื่นๆยังคงชะลอการลงทุน ทำให้สินค้าของกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัวตามตลาด ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวลดลงเล็กน้อย