SMT คาด Q2/59 ล้างขาดทุนสะสมหมด หวังจ่ายปันผลสิ้นปี หลัง Q1/59 พลิกกำไรพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 16, 2016 15:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีระพล วิไลวงศ์เสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT) เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าอยู่ที่กว่า 8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 7.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 60 ล้านบาทได้ภายในไตรมาส 2/59 โดยจะนำกำไรจากการดำเนินงานมาใช้ล้างขาดทุนสะสม และเชื่อว่าในปี 59 จะกลับมาจ่ายปันผลได้อีกครั้ง

"ปีนี้เรามั่นใจจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ จากปีก่อนที่ขาดทุนประมาณ 60 ล้านบาท เพราะปีนี้เรามีตัว New Product ที่เข้ามาเสริม ทำให้มาร์จิ้นสูง ส่งผลต่อเนื่องมายังกำไรสุทธิ SMT เริ่มเห็นตั้งแต่ไตรมาสแรกว่ากำไรดีขึ้น จากงาน New Product จึงมั่นใจว่าสามารถนำกำไรมาล้างขาดทุนสะสมได้"นายพีระพล กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/59 คาดว่ายังคงเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/59 ปัจจัยหลักมาจากการที่บริษัทใช้กลยุทธ์หมุนกำลังการผลิตออกจากสินค้าประเภทมาร์จิ้นต่ำอย่าง MMA มาผลิตสินค้าประเภท high value added เช่น IC Packaging, Wafer dicing, Captive และ Specialty ซึ่งในปีที่ผ่านมายอดการผลิตสินค้ากลุ่มดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้นมาราว 120% ทำให้มีสัดส่วนประมาณ 21% ของรายได้ เทียบกับปี 57 ที่มีสัดส่วนเพียง 8% ของรายได้ ในขณะที่สินค้ามาร์จิ้นต่ำอย่าง MMA ซึ่งเดิมเป็นรายได้หลักของบริษัทมีสัดส่วนลดลงจาก 92% ในปี 57 และลดลงเหลือ 79% ในปี 58 และคาดว่าในปี 59 จะลดลงเหลือ 61%

กลยุทธ์ดังกล่าวนี้ส่งผลดีกับบริษัท คือ การประหยัดเงินลงทุนในสายการผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูง ส่งผลให้ต้นทุนค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นน้อยมาก และสามารถหมุนพนักงานเดิมออกมาทำงานที่สร้างผลกำไรที่ดีให้กับบริษัท โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาโดยจะเป็นยอดขายของสินค้าใหม่ประมาณ 1,628 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะป็นผลิตภัณฑ์เดิม ประกอบด้วย IC Packaging (แผงวงจร) และ MMA

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/59 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 38.02 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 5.20 ล้านบาท

เนื่องจากงบการเงินรวมไตรมาส 1/59 บริษัทมีรายรับจากการขายสินค้าและบริการจำนวน 1,225.64 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 1,258.12 ล้านบาท หรือลดลง 50.90% โดยในช่วงไตรมาส 1/58 มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 2,484.39 ล้านบาท โดยรายได้ที่ลดลงส่วนใหญ่เป็นการลดลงของสินค้าในกลุ่ม Hard Disk Drive เนื่องจากการหดตัวของตลาด และการแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น

แต่ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้จากสินค้าและบริการในธุรกิจการประกอบและทดสอบแผงไฟฟ้ารวมเพิ่มมากขึ้นเป็น 298 ล้านบาท จาก 213 ล้านบาทในไตรมาส 1/58 คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้น 85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.91% ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าสินค้าในกลุ่ม Hard Disk Drive ทำให้บริษัทมีกำไรขั้นสูงขึ้น

เมื่อรวมกับมาตรการลดต้นทุนของบริษัทที่มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไตรมาส 1/59 บริษัทฯมีกำไรขั้นต้น 76.73 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 5.38 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ