CHOW เผยธุรกิจเหล็กฟื้น-รับรู้ฯพลังงานเพิ่มดันโค้งแรกพลิกเป็นกำไรเชื่อทั้งปีโตเด่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 16, 2016 15:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) เปิดเผยว่า การปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของรายได้และกำไรในไตรมาสแรก เชื่อว่าจะส่งผลต่อเนื่องให้ผลประกอบการในปี 59 มีแนวโน้มเติบโตจากปี 58 อย่างชัดเจน จากการฟื้นตัวของธุรกิจเหล็กต้นน้ำ และจากการรับรู้รายได้เพิ่มในธุรกิจพลังงานที่ได้ลงทุนไปแล้วในปี 58

ทั้งนี้ บริษัทพบว่าในปี 59 ความต้องการใช้เหล็กในประเทศได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ภาครัฐใช้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เข้ามาควบคุมคุณภาพเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เหล็กคุณภาพต่ำจากต่างประเทศไม่สามารถเข้ามาจำหน่ายในประเทศได้ ส่งผลให้ราคาเหล็กในประเทศปรับตัวดีขึ้น และผู้ประกอบการเหล็กปลายน้ำหันมาสั่งซื้อเหล็กต้นน้ำที่ผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้นในทิศทางเดียวกันด้วย

"ปีนี้อุตสาหกรรมเหล็กแท่งยาว หรือ Steel Billet ดีขึ้นตั้งแต่เดือนแรกของปี จากการใช้มาตรฐาน มอก.เข้ามาควบคุมคุณภาพเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เหล็กคุณภาพต่ำเข้ามาในตลาดไทยได้ยากขึ้น โดยพบว่า CHOW เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเหล็กต้นน้ำเข้ามาหนาแน่นขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาน้อยมาก ซึ่งจะสนับสนุนให้ธุรกิจเหล็กฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ประกอบกับในปีนี้จะรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานเข้ามาเพิ่มจากโครงการที่พร้อมขายไฟในปี 2558 และจากโครงการใหม่ที่จะสร้างเสร็จและพร้อมขายไปในปีนี้ ซึ่งคาดว่าไม่ต่ำกว่า 80 เมกะวัตต์ ดังนั้นจะสะท้อนให้ผลประกอบการของ CHOW ในปีนี้กลับมาเติบโตโดเด่นได้อีกครั้ง ตามแผนงานที่ได้วางไว้"นายอนาวิล กล่าว

สำหรัลผลประกอบการไตรมาส 1/59 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 48.83 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.06 บาท เทียบกับปี 58 ที่มีขาดทุนสุทธิรวม 17.34 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.02 บาท

ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นมาจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมสำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 จำนวน 1,292.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 629.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 94.85% เมื่อเทียบกับปี 58 ที่มีรายได้รวมจำนวน 663.35 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการจำหน่ายเหล็กเพิ่มขึ้น 112.95 ล้านบาท คิดเป็น 20.66% สาเหตุเนื่องจากมีการนำเข้าเหล็กลดลงตามมาตรฐการของรัฐบาล ทำให้ราคาสินค้าเริ่มปรับตัวสูงขึ้น และบริษัทสามารถขายสินค้าได้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น

ส่วนบริษัทย่อยได้รับรู้รายได้จำนวน 581.57 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าในต่างประเทศจำนวน 4 โครงการและในประเทศ 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 15.64 เมกะวัตต์ และรายได้จากการพัฒนาโครงการจำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ และรายได้จากการก่อสร้างโครงการตามอัตราส่วนงานที่ทำเสร็จจำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 27.22 เมกะวัตต์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ