ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่ระดับ “A" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"
อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานซึ่งเป็นที่ยอมรับในการเป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารายแรกในประเทศไทย ตลอดจนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อัตรากำไรในระดับสูงและสม่ำเสมอจากการให้บริการเดินรถไฟฟ้าและธุรกิจสื่อโฆษณา และโอกาสในการได้รับสัญญาบริการเดินรถและซ่อมบำรุงสำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว อย่างไรก็ตาม สถานะทางการเงินของบริษัทคาดว่าจะอ่อนตัวลงจากแผนการลงทุนในโครงการขนส่งมวลชนและนโยบายการจ่ายเงินปันผลจำนวนมาก
นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นหน่วยธุรกิจหลักของ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และเป็นผู้สร้างกระแสเงินสดและกำไรให้กับบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ดังนั้น สถานะเครดิตของบริษัทและ BTS จึงมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับกระแสเงินสดและอัตรากำไรจากการดำเนินงานในระดับสูงจากการบริการเดินรถไฟฟ้าและธุรกิจสื่อโฆษณา เนื่องจากบริษัทถือเป็นบริษัทย่อยของบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ อันดับเครดิตของบริษัทจึงสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับอันดับเครดิตของบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ดังนั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงใดในอันดับเครดิตของบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพก่อตั้งในปี 2535 เพื่อก่อสร้างและดำเนินงานระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสภายใต้สัญญาสัมปทานเป็นเวลา 30 ปี (2542-2572) จากกรุงเทพมหานคร ภายใต้ข้อกำหนดในสัญญาสัมปทาน บริษัทได้รับสิทธิในการจัดเก็บรายได้ค่าโดยสารรวมทั้งกิจกรรมเชิงพาณิชย์อื่น ๆ ทั้งหมดในสถานีในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส (เส้นทางหลัก) ระยะทาง 17 กิโลเมตรของสายสุขุมวิท (หมอชิต-อ่อนนุช) และระยะทาง 6.5 กิโลเมตรของสายสีลม (สนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน) โดย BTS ได้ซื้อกิจการของบริษัทในเดือนพฤษภาคม 2553 และถือหุ้นในสัดส่วน 97.46%
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 บริษัทได้รับสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงอายุ 30 ปี (2555-2585) จาก บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกรุงเทพมหานคร โดยสัญญาดังกล่าวกำหนดให้บริษัทเป็นผู้ให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม (วงเวียนใหญ่-บางหว้า) ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (อ่อนนุช-แบริ่ง) และเส้นทางหลักหลังจากครบกำหนดอายุสัญญาสัมปทานในปี 2572 ทั้งนี้ ในปี 2556 บริษัทได้จำหน่ายรายได้ค่าโดยสารสุทธิในอนาคตของระบบรถไฟฟ้าในเส้นทางหลักให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) มูลค่า 61 พันล้านบาท
สำหรับกิจกรรมเชิงพาณิชย์อื่น ๆ นั้น บริษัทดำเนินการผ่านบริษัทย่อยคือ บมจ. วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) หรือวีจีไอ ซึ่งให้บริการสื่อโฆษณาบนระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยปัจจุบัน วีจีไอได้ขยายธุรกิจสู่การให้บริการสื่อโฆษณานอกบ้านด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการระบบตั๋วเก็บค่าโดยสารผ่าน บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด อีกด้วย สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (เมษายน-ธันวาคม 2558) รายได้ของบริษัทประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาคิดเป็นสัดส่วน 51% รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง 41% ส่วนรายได้ส่วนที่เหลือมาจากรายได้จากการให้บริการอื่น ๆ
ภายหลังจากการขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิในอนาคตของระบบรถไฟฟ้าในเส้นทางหลักให้แก่ BTSGIF รายได้ของบริษัทก็ลดลงอย่างมาก โดยรายได้ (ไม่รวมการดำเนินงานที่ยกเลิก) ลดลงจาก 5,281 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 2,954 ล้านบาทในปี 2555 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4,952 ล้านบาทในปี 2558 เนื่องจากรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงและธุรกิจสื่อโฆษณาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 รายได้ของบริษัทปรับลดลง 22% เนื่องจากบริษัทได้ยกเลิกธุรกิจสื่อโฆษณาในร้านค้าปลีกสมัยใหม่
อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงจาก 80% ในปี 2555 และปี 2556 เป็น 45%-50% ในปี 2557 จนถึงช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นหลังจากการจัดตั้ง BTSGIF เงินกู้รวมปรับตัวลดลงจาก 14,916 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 2,210 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงจากระดับ 30.2% ในปี 2555 เป็น 7.9% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558
บริษัทมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งจากการมีเงินสดในมือจำนวน 1,011 ล้านบาทรวมถึงเงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวจำนวน 5,677 ล้านบาท แม้ว่ากระแสเงินสดของบริษัทจะปรับตัวลดลงอย่างมากหลังจากการจัดตั้ง BTSGIF แต่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ปรับตัวดีขึ้นจาก 43.3% ในปี 2556 เป็น 72.6% ในปี 2558 ตามเงินกู้รวมที่ลดลง อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจาก 6.6 เท่าในปี 2556 เป็น 8.1 เท่าในปี 2558 สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงาน 1,222 ล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับ 101.6% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) และ 9.3 เท่าตามลำดับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ อีกประมาณ 3,950 ล้านบาท โดยมีภาระในการชำระหนี้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประมาณ 1,378 ล้านบาทและมีภาระหนี้ระยะสั้นจำนวน 650 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าสถานะทางการเงินของบริษัทในอนาคตจะอ่อนตัวลงจากระดับปัจจุบัน สำหรับปี 2560-2562 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 5,000-6,500 ล้านบาท โดยที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 40% บริษัทมีการตั้งงบประมาณในการลงทุนจำนวน 11,456 ล้านบาทสำหรับโครงการขนส่งมวลชนในระหว่างปี 2560-2564 ดังนั้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับประมาณ 20% ในปี 2562 โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นแต่จะยังคงต่ำกว่าระดับ 3.5 เท่า