นายวิรัช วงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เธียรสุรัตน์ (TSR) กล่าวว่า บริษัทวางแผน 5 ปีจากนี้ (60-64) จะมีรายได้รวม 5,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 59 คาดทำได้ 2,000 ล้านบาท พร้อมตั้งงบลงทุน 5 ปี ที่ 250 ล้านบาท โดยใช้ปีละ 50 ล้านบาท สำหรับขยายสาขาใหม่เพื่อให้มีครบ 40 สาขาในสิ้นปี 64 จากสิ้นปีนี้น่าจะมากกว่า 20 สาขา โดยปีนี้จะเปิดใหม่ 5-7 สาขา และตั้งเป้าหมายมีช่องทางการขายผ่านโทรศัพท์ (พนักงานเทเลเซลล์) เพิ่มเป็น 300 ที่นั่ง จาก 150 ที่นั่งสิ้นปีนี้
ส่วนธุรกิจใหม่คณะกรรมการบริษัทเพิ่งอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อเข้าดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์และนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมจดทะเบียนบริษัทและยื่นขออนุญาตกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดใช้เวลา 3 เดือน และคาดว่าจะเห็นการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 4/59 นี้ ด้วยทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 50 ล้านบาท TSR ถือหุ้นราว 99.99% ซึ่งจะใช้ฐานลูกค้าเดิมของบริษัทที่ทางเทเลเซลล์ติดต่อมีอยู่ 4 แสนราย ซึ่งก็เห็นโอกาสของธุรกิจนี้เพราะมีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว และเป็นธุรกิจที่รัฐบาลสนับสนุน
สำหรับแผนการขยายตลาดไปประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) คณะกรรมการได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนในสปป.ลาว เพื่อตั้งบริษัท TSR ลาวจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ทุนจดทะเบียน 17 ล้านบาท โดย TSR ถือหุ้น 49% ร่วมกับกลุ่มนักลงทุนไทยที่ไปทำธุรกิจในลาวอีก 51% โดยตั้งเป้าปีแรกขายเครื่องกรองน้ำได้ 3,000 เครื่อง หรือเดือนละ 300 เครื่อง ส่วนการเข้าลงทุนในเวียดนามอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นลักษณะการเข้าร่วมทุน หรือตั้งตัวแทนจำหน่าย ทั้งในผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำยี่ห้อเซฟและเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากขายตรงเครื่องกรองน้ำ 80% อีก 20% เป็นช่องทางอื่น เช่น เทเลเซลล์ และเทรดดิ้ง
ปัจจุบัน บริษัทมีโรงงาน 5 แห่ง รวมแห่งใหม่ด้วยกำลังการผลิตรวม 4 หมื่นชุด/เดือน ปัจจุบันเดินเครื่องผลิตอยู่ที่ 3 หมื่นชุด/เดือน ซึ่งกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นรองรับยอดขายต่างจังหวัดที่ขายดีมากและยอดขาย AEC
สำหรับแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 2/59 คาดเติบโต 20% จากงวดเดียวกันปีก่อนหรือดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามแผนงานปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมที่ 2,000 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อน ซึ่งยอดขายเครื่องกรองน้ำของ TSR ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการเปิดสาขาเพิ่มมากขึ้นซึ่งปัจจุบันมี 17 สาขา และมีศูนย์บริการ 5 แห่ง
"บริษัทมองว่าการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจของบริษัทไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน จึงได้ทำแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต(Road Map) ภายใน 3 ปีข้างหน้าจะรุกสู่ตลาดเออีซี โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติในหลักการของการร่วมลงทุน (Joint Venture) กับกลุ่มธุรกิจในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อจัดตั้งบริษัทจำหน่ายเครื่องกรองน้ำและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติมโดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2/59"นายวิรัช กล่าว