ทั้งนี้ การเปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ซึ่งนับเป็นบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม และค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งก็มากขึ้น ก็จะส่งผลให้อัตราการทำกำไรดีขึ้นตามไปด้วย รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรทั้งแพทย์ และพยาบาลได้ปรับลดลง หลังจากที่ได้รับบุคลากรด้านการแพทย์เข้ามามากในช่วงปลายปี 57 ซึ่งส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัท
ขณะที่ปัจจุบันคนไข้ของโรงพยาบาลลาดพร้าว มีจำนวน 2 แสนคน/ปี ซึ่งเป็นลูกค้าในประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยมีลูกค้าต่างประเทศ 1-2% เท่านั้น แต่หวังว่าจากการที่เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ก็จะเป็นโอกาสที่จะขยายฐานให้ลูกค้าใน AEC เข้ามาใช้บริการมากขึ้นอีกทางหนึ่ง รวมถึงยังเป็นช่องทางในการที่โรงพยาบาลจะดึงบุคลากรจากต่างประเทศเข้ามากกว่าการถูกดึงบุคลากร เพราะการที่ได้เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพและสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ของโรงพยาบาล
"LPH มีจุดแข็งคือ อยู่ในธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ที่มีศักยภาพและเติบโตอย่างมั่นคง ประกอบกับเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำได้รับผลกระทบจากความ ผันผวนของเศรษฐกิจน้อย มีประสบการณ์ในการรักษายาวนานถึง 22 ปี อีกทั้งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจะทำให้ LPH เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น"นายอังกูร กล่าว