นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ได้รับความสนใจจากนักลงทุน และกองทุนหลายแห่ง ซึ่งล่าสุด 16 พฤษภาคม 2559 ได้มีกองทุนต่างชาติขนาดใหญ่ เข้าซื้อหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ WHART จำนวน 3.28% ที่ราคาหน่วยละ 10.10 บาทต่อหน่วย จาก WHA ทำให้ WHA คงเหลือสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ 15% จากจำนวนหน่วยทั้งหมด
"การเข้ามาถือหุ้นของกองทุนต่างชาติครั้งนี้ เป็นการการันตีถึงความมั่นใจที่กองทุนต่างชาติมีต่อกองทรัสต์ WHART และศักยภาพของการบริหารจัดการคลังสินค้า และศักยภาพการเติบโตของค่าเช่าอย่างมีเสถียรภาพ และการสร้างอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจให้กับผู้ถือหน่วยตลอดอายุสัญญาการเช่า รวมทั้งความเป็นมืออาชีพด้านการบริการจัดการอสังหาริมทรัพย์ของ WHA ด้วย"นางสาวจรีพร กล่าว
ปัจจุบัน กองทรัสต์ WHART เป็นกองทรัสต์รูปแบบคลังสินค้า ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในประเทศ พร้อมทั้งเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพพัฒนาโดย WHA ซึ่งมีหน่วยทรัสต์เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนจำนวน 661,670,000 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 9.6281 บาท รวม 6,370.6 ล้านบาท และได้มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่า ในการลงทุนครั้งแรก จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA ลาดกระบัง Phase 1 และโครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA ลาดกระบัง Phase 2 ,โครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 18) และโครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 23)
อีกทั้งกองทรัสต์ยังมีการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 ในช่วงปลายปี 2558 จำนวน 3 โครงการได้แก่ โครงการ WHA Mega Logistics Center (ชลหารพิจิตร กม. 4) โครงการ WHA Mega Logistics Center (วังน้อย 61) และโครงการ WHA Mega Logistics Center (สระบุรี)
ขณะที่ในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ WHART จะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ ครั้งที่ 1/2559 เพื่อพิจารณาลงทุนเพิ่มเติม ในอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ของ WHA จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.5 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และโครงการ WHA Mega Logistics Center ลาดกระบัง แขวงคลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินที่ WHART ลงทุนในครั้งนี้ไม่เกิน 4,190 ล้านบาท