นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) สัปดาห์นี้ น่าจะสามารถเปิดเป็นบวกได้ตามตลาดภูมิภาค และตลาดหุ้น Wall street แต่อาจไปไม่ได้ไกล เพราะนักลงทุนจะยังคงมีความระมัดระวังในเรื่องการที่ Fed อาจปรับขึ้นดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อตลาดหุ้นเช่นกัน ดังนั้น บล.เอเชีย เวลท์ มองทิศทางตลาดสัปดาห์นี้ในแบบระมัดระวัง โดยมองกรอบ SET Index 1,376-1,394 จุด
ปัจจัยที่กระทบกับตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ คือความเป็นไปได้มากขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม มิ.ย.นี้ จากผลสำรวจใน Wall street ถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งพุ่งสูงขึ้นเป็น 30% ประกอบกับตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่องในระยะหลัง
และในสัปดาห์นี้จะมีการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ครั้งที่สอง ของสหรัฐฯ หากดีขึ้นมากกว่าเดิมที่ 0.5% ก็จะเป็นตัวตอกย้ำความเป็นไปได้ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.นี้ และต้องจับตาสัญญาณจากสมาชิกของ Fed สาขาต่างๆ ที่จะทยอยออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งประธาน Fed นางเจเน็ท เยเลน ด้วย ซึ่งหากทิศทางเป็นเช่นนี้จะส่งผลกดดันตลาดหุ้น
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ประกาศตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ไตรมาส 1 ของไทย ออกมาอยู่ที่ 2.33 แสนล้านบาท ถือว่าดีมากทีเดียว เพราะฟื้นตัวกว่า 20% หากเทียบกับไตรมาส 4/58 และบวกขึ้นเกือบ 1% จากไตรมาส 1/58 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูง จึงถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ ทำให้มองว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนฯ ในปีนี้มีโอกาสเติบโตถึง 24%
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำหุ้นของ บมจ.เอสวีไอ (SVI) บริษัทมีแนวโน้มที่สดใสหลังได้ซื้อกิจการบริษัทยุโรป Siedel Elektronik ซึ่งเป็นบริษัท ODM (Original Design Manufacturer) ผู้ผลิตสินค้าตามรูปแบบด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของตนเองและใส่แบรนด์ของผู้สั่งซื้อ การซื้อกิจการนี้ ทำให้ SVI เข้าถึงเทคโนโลยีและตลาดอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงของยุโรปด้วยฐานการผลิตในออสเตรีย สโลวาเกีย และฮังการี และฐานการตลาดในสแกนดิเนเวีย แม้การลงทุนอาจฉุดกำไรในตอนเริ่มต้น แต่อัตรากำไรจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการผลิตใหญ่ถึงระดับหนึ่งด้วยยอดขายที่เพิ่มเข้ามาราว 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ ก.พ. 59
นอกจากนี้ การแก้ปัญหาคอขวดการผลิตในประเทศซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/59 นี้น่าจะปลดล็อคกำลังผลิตของฐานการผลิตในไทย แม้อุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปจะอ่อนแอ แต่ความต้องการสำหรับผลิตภัณฑ์ชั้นสูงที่ออกแบบเป็นพิเศษซึ่ง SVI มีความถนัดน่าจะยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะตามความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ โทรคมนาคม ดาวเทียม อาวุธ และการแพทย์
SVI วางแผนที่จะตั้งฐานการผลิตในกัมพูชาปีนี้ซึ่งน่าจะช่วยลดต้นทุนแรงงานได้และยังให้สิทธิพิเศษทางภาษี GSP จากการใช้กัมพูชาเป็นแหล่งส่งออกสู่ประเทศตะวันตก จากคาดการณ์เฉลี่ยของ Bloomberg กำไรปกติของ SVI น่าจะพุ่งขึ้น 54% ปีนี้และ 17% ใน 60 ปัจจุบันหุ้น SVI เทรดที่ P/E ratio 12 เท่า ซึ่งยังคงต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน (Undervalued)
ด้าน Technical รูปแบบราคา ของ SVI ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจากการเกิดสัญญาณซื้อรายเดือน โดยรูปแบบราคาของ SVI ที่ผ่านมานั้นอยู่ในช่วงของการปรับฐาน ปัจจุบัน ได้กลับมาเกิดสัญญาณซื้อรายวัน ครั้งใหม่แล้ว แต่คาดว่ายังต้องแกว่งตัวอีกสักพักเพื่อรอการกลับมาเกิดสัญญาณซื้อรายสัปดาห์ครั้งใหม่ ทั้งนี้ ราคาเป้าหมาย Bloomberg consensus อยู่ที่ 5.78 บาท