บมจ.เน็ตเบย์ (NETBAY) เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 40 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 20% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติแบบคำขอนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) คาดพร้อมนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เดือน มิ.ย.นี้ โดยมี บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย
ทั้งนี้ NETBAY เป็นผู้นำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์และบริการด้าน e-Logistics Trading และ e-Business Services ครบวงจร ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิตอล (Digital Economy) ของประเทศไทย โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเกตเวย์ให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลการค้าผ่านระบบออนไลน์พร้อมกัน ณ จุดเดียว ระหว่างภาคธุรกิจและภาครัฐ (B2G) ภาคธุรกิจและภาคธุรกิจ (B2B) และภาคธุรกิจกับภาคประชาชน (B2C) ด้วยการนำเทคโนโลยี ไพรเวท คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Private Cloud Computing) มาให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นผู้นำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์และบริการด้าน e-Logistic ครบวงจร ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิตอลของไทย
ปัจจุบัน มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท เป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 160 ล้านหุ้น มีวัตถุประสงค์จะนำเงินที่ระดมทุนได้ในครั้งนี้ไปใช้ในการขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NETBAYและ e-Business Services ครบวงจร คาดว่า จะสามารถนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.59 หลังจากเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงต้นเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคุมมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทมีบริการแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มบริการ e-Logistic เป็นการให้บริการรับ-ส่งข้อมูลทางอิเล้กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร เกี่ยวกับสินค้าและการขนส่งที่เกิดขึ้นภายในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น บริการรับ-ส่งข้อมูลธุรกรรมเอกสารการค้าทางอิเล้กทรอนิกส์ บริการรับ-ส่งข้อมูลธุรกรรมพิธีการทางศุลกากร 2.กลุ่มบริการ e-Business Services ได้แก่ การรายงานข้อมูลธุรกรรมลุกค้าที่ทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลุกค้า และ 3.กลุ่ม Projects และอื่นๆ ได้แก่ การพัฒนาระบบงานสารสนเทศภายในให้แก่หน่วยงานต่างๆ
บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในปีนี้รายได้จะเติบโตราว 20% จากปีก่อนทำรายได้ 223 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเติบโตย้อนหลัง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็มีการเติบโตในระดับ 20% มาโดยตลอด โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากกลุ่มบริการ e-Logistic ราว 60% ,กลุ่มบริการ e-Business Services 30% และที่เหลือเป็นกลุ่ม Projects
“เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้ประจำที่มีความมั่นคงในระยะยาวและผลักดันการเติบโตจากการขยายเครือข่ายการให้บริการไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เพื่อเพิ่มปริมาณผู้ที่มาใช้บริการธุรกรรมออนไลน์ เนื่องจากนโยบายของภาครัฐและภาคเอกชนจะใช้การรับ-ส่งข้อมูลทางระบบออนไลน์เพิ่มขึ้นทดแทนการใช้เอกสาร ขณะที่รัฐบาลก็มีนโยบายพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจยุคดิจิตอล (Digital Economy) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของเน็ตเบย์ในอนาคต" นายพิชิต กล่าว
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บล.เมย์แบงค์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การกำหนดราคาเสนอขาย IPO จะมีการคิดราคาอ้างอิงกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีในกลุ่มเดียวกัน เช่น บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (INET) เป็นต้น ซึ่งน่าจะมีระดับ P/E 15 เท่า อย่างไรก็ตามราคา IPO ดังกล่าวจะมีส่วนลดให้แก่นักลงทุนตามปกติ 20-30%
สำหรับ NETBAY ถือว่าเป็นบริษัทฯที่มีความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม ICT ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้จัดจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์และเน็ตเวิร์ค ให้แก่ลูกค้าภาครัฐหรือเอกชนเป็นรายโครงการ ซึ่งบริษัทฯเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ให้บริการในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) หรือซอฟท์แวร์ที่ให้บริการผ่านระบบออนไลน์ โดยลูกค้าไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนซื้อซอฟท์แวร์ รวมถึงไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์และค่าบำรุงรักษารายปี ขณะที่ยังช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับส่ง-ส่งข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ เพื่อทดแทนการใช้เอกสาร