นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า บลจ.เปิดตัว กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1 (TISCO Japan Linked Complex Return Fund 1: TJPLINK1) กองทุนเปิดประเภท Structured Fund ที่อ้างอิงกับดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น เปิดซื้อขายครั้งแรก (IPO) 25-31 พฤษภาคม 2559
ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น" อยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อายุโครงการประมาณ 3 ปี มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท นับเป็นกองทุนล่าสุดในซีรีส์ “คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น" หลังจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการออกกองทุนเปิด ไชน่า ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น กองที่ 5 ไปแล้ว
กองทุนดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ที่หวังให้ลูกค้าได้เงินคืนเท่ากับเงินต้นที่ลงทุนไปเมื่อสิ้นสุดโครงการ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสรับผลตอบแทนแบบไม่จำกัดผ่านการลงทุนในออปชั่น โดยโครงสร้างกองทุนจะแบ่งเงินลงทุนออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 95% จะลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าการลงทุนเพื่อให้เงินส่วนนี้เติบโตเป็น 100% เท่ากับเงินต้นที่ได้ลงทุนไว้ในเวลาที่กำหนดไว้ และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5% จะแบ่งไปลงทุนในออปชั่นที่อ้างอิงกับผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้น หากดัชนีหุ้นปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทนแปรผันตามการเพิ่มขึ้นของดัชนีแบบไม่จำกัด เฉลี่ย 12 ไตรมาส
"เหตุที่เลือกตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นดัชนีอ้างอิงก็เพราะมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น โดยอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็น -0.2% เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในการประชุมครั้งต่อไป (15-16 มิถุนายน และ 28-29 กรกฎาคม 2559) หลังจากที่ปรับลงมาเป็น -0.1% นอกจากนี้ปัจจัยค่าเงินเยนญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มอ่อนต่อเนื่องไปจนกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ดัชนี NIKKEI มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้น เนื่องจาก บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเกี่ยวข้องกับการส่งออกซึ่งได้รับประโยชน์จากค่าเงินเยนอ่อนค่าในช่วงนี้จึงนับเป็นช่วงที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น"นายสารัชกล่าว
จุดเด่นของกองทุนประเภท Structured Fundคือ สามารถเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เงินคืนเท่ากับเงินที่ลงทุนไปในกรณีที่ผู้ออกตราสารไม่ผิดนัดชำระหนี้และขณะเดียวกันก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากตลาดหุ้นได้เช่นกัน ยกเว้นในกรณีที่คู่สัญญาไม่สามารถชำระเงินตามสัญญาออปชั่นได้ตามกำหนด จึงเหมาะแก่นักลงทุนที่ไม่ชอบการลงทุนที่มีความเสียงสูงแต่อยากได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก นับเป็นหนึ่งในตัวช่วยบริหารเงินในยุคดอกเบี้ยต่ำ