นายสมศักดิ์ กุญชรยาคง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปการขยายกำลังผลิตโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น พม่า และฟิลิปปินส์ภายในไตรมาส 2/59-ไตรมาส 3/59
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรเพื่อเข้าลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม เฟส 2 ในญี่ปุ่น เบื้องต้นคาดกำลังการผลิตราว 50 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยกำลังการผลิตได้ ขณะที่การลงทุนในประเทศพม่า เบื้องต้นคาดจะมีกำลังการผลิตราว 10-20 เมกะวัตต์ ซึ่งอาจจะเดินหน้าได้ค่อนข้างรวดเร็วกว่าในประเทศอื่น เนื่องจากมีความต้องการใช้ไฟฟ้ามาก
นายสมศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าในส่วนของโซลาร์รูฟท็อปจะมีรายแตะระดับ 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ราว 400 ล้านบาท โดยตั้งเป้างานติดตั้งให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30 เมกะวัตต์ โดยกลุ่มลูกค้าจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1.บ้านและที่อยู่อาศัยทั่วไป 2. บ้านในโครงการ และ 3.โรงงานและอาคารขนาดใหญ่
"ปัจจุบันเรามีลูกค้าที่สนใจเข้ามาค่อนข้างมาก ซึ่งทั้งพื้นที่การติดตั้งและเงินลงทุนพร้อม แต่หลาย ๆ คนอยู่ระหว่างรอ BOI อยู่ ซึ่งหากลูกค้าของเราได้ BOI แล้วโครงการก็จะเกิดขึ้นได้ค่อนข้างรวดเร็ว"นายสมศักดิ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/59 ทั้งรายได้และกำไรจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่าไตรมาส 1/59 ที่ทำได้ 49.60% แม้ว่าค่า FT จะปรับตัวลดลงก็ตาม แต่บริษัทได้มีการบริหารจัดการให้แผงโซลาร์สามารถรับแสงอาทิตย์ได้มากขึ้น และระยะเวลาที่ยาวขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าสูงขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการปี 59 ว่า รายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 5.5 พันล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากปี 58 ที่มีรายได้ราว 5 พันล้านบาท โดยรายได้หลักมากจากการรับรู้โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ที่จำหน่ายกระแสไฟฟ้าครบ 36 โครงการ รวมกำลังการผลิตทั้งหมด 261 เมกะวัตต์