หุ้น T ราคาร่วงแรง 26.92% มาอยู่ที่ 0.19 บาท ลดลง 0.07 บาท มูลค่าซื้อขาย 99.40 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.51 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.24 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.24 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.19 บาท
แหล่งข่าวจาก บมจ.ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม (T) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาหุ้น T วันนี้ร่วงแรง ก็ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด ทั้งที่ขณะนี้บริษัทฯยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ และยังไม่มีเหตุการณ์ใดที่เป็นปัจจัยลบเข้ามา แต่ยอมรับว่าก็มีคนสอบถามเรื่องราคาหุ้นปรับตัวลงกันเข้ามาบ้าง
สำหรับเรื่องคดีฟ้องร้อง ทางบริษัทฯก็ได้มีการชี้แจงไปแล้วในงบการเงิน ซึ่งก็เป็นลักษณะของการชี้แจงความคืบหน้า ขณะนี้ทางบริษัทฯก็ยังไม่ได้มีประเด็นใดเพิ่มเติมเป็นพิเศษ
อนึ่ง เมื่อวันที่ 13 พ.ค.59 T ชี้แจงว่า บริษัทมีคดีที่ถูกฟ้องร้องและอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจำนวนทุนทรัพย์รวมประมาณ 441 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของสินทรัพย์รวม (1,335 ล้านบาท) เช่น คดีที่ผู้ว่าจ้างฟ้องแย้งบริษัทฐานผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างจำนวนทุนทรัพย์ ประมาณ 281 ล้านบาท คดีที่บริษัทอื่นฟ้องร้องบริษัทกรณีบริษัทเป็นจำเลยร่วมฐานผิดสัญญาค้ำประกันและเงินเบิกล่วงหน้าจำนวนทุนทรัพย์ ประมาณ 160 ล้านบาท และคดีอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งคดีดังกล่าวมีจำนวนทุนทรัพย์ที่มีนัยสำคัญ และมีความคืบหน้าที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ บริษัทได้ฟ้องร้องดำเนินคดีบริษัทอื่น (ผู้ว่าจ้าง) ด้วยทุนทรัพย์จำนวน 100.23 ล้านบาท โดยที่ผู้ว่าจ้างฟ้องแย้งบริษัทผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง ศาลชั้นต้นได้นัดฟังคำพิพากษา 18 มี.ค.59 และได้เลื่อนฟังคำพิพากษาเป็นวันที่ 28 เม.ย.59 แล้วนั้น ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้บริษัทจ่ายเงินให้ผู้ว่าจ้างจำนวน 105.31 ล้านบาท
สำหรับคดีที่บริษัทอื่นฟ้องร้องกรณีบริษัทเป็นจำเลยร่วมฐานผิดสัญญาค้ำประกันและเงินเบิกล่วงหน้า ความคืบหน้าของคดี เมื่อวันที่ 26 ม.ค.59 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือให้จำหน่ายคดีออกจากสาระบบความเพื่อไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการ และคดีที่บริษัทถูกบริษัทอื่นฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับการผิดสัญญาจ้างทำของ, เช่าทรัพย์ และอื่น ๆ เป็นต้น คดีเหล่านี้มีบางคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมและบางคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
บริษัทว่าจ้างที่ปรึกษากฏหมายจากภายนอกเพื่อเป็นที่ปรึกษากฎหมายในแต่ละคดีทั้งที่บริษัทเป็นโจทก์และจำเลย โดยฝ่ายบริหารและฝ่ายกฎหมายของบริษัทและที่ปรึกษากฎหมายมีการติดตามสถานะของคดีความอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินการพิจารณาผลกระทบต่อฐานะการเงิน
ผู้บริหารของบริษัทไม่สามารถพิจาณราถึงผลลัพธ์จากคดีความดังกล่าวได้ และในบางคดี ผู้บริหารยังมีความเห็นแย้งในหลายประเด็น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารเพื่อดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย