นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) คาดว่าผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของรายได้และกำไรในไตรมาส 2/59 จะดีกว่าไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิ 4.65 ล้านบาท และรายได้จากการขาย 201 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ราว 10% เป็นผลมาจากยอดขายสินค้าใหม่ "AIR LOCK" ที่ใช้ทดแทนยางในได้รับกระแสตอบรับดีจากผู้บริโภคเกินคาด ขณะเดียวกันจากการออกสินค้าใหม่ดังกล่าว ยังส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าเดิมให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีออเดอร์โมเดล 2 รุ่นใหม่ของลูกค้าประเทศอินเดีย มูลค่า 50 ล้านบาท/ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอแม่พิมพ์ที่กำลังจัดส่งมาจากลูกค้า คาดว่าจะจัดส่งได้ในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ และหลังจากนั้นน่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ในการทดลองผลิตสินค้ายางนอกมอเตอร์ไซต์ และจะสามารถจำหน่ายได้ในเดือนก.ย.59 โดยจะรับรู้รายได้จากงานดังกล่าวราว 4-5 ล้านบาท/เดือน
อีกทั้งบริษัทฯยังคงมองการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยสนใจตลาดที่อเมริกาใต้ ,ตะวันออกกลาง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าอยู่ที่ 200-300 ราย และยังมีความต้องการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายมากขึ้นในพื้นที่ที่ยังไม่มีตัวแทนจำหน่าย ทำให้ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตแตะ 1 พันล้านบาท เติบโต 25% จากปีก่อนทำได้ 797 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศและในประเทศที่ 50:50
"จากการออกสินค้าใหม่ AIR LOCK ส่งผลให้รายได้เติบโตขึ้น และยังส่งผลดีต่อตัวสินค้าเดิม โดยแผนการออกสินค้าใหม่ ๆ ในปีนี้ ก็ยังคงไม่มี เนื่องจากเรามีแผนออกสินค้าใน 2 ปี ต่อ 1 product เนื่องด้วยการออกสินค้าใหม่ต้องใช้เวลาในการทดลองตลาด ซึ่งในช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงของการผลักดัน AIR LOCK เข้าสู่ตลาดมากขึ้น"นายชัยสิทธิ์ กล่าว
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน (Solar Roof) กำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์สำหรับใช้ในโรงงาน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตั้ง หลังจากได้รับการอนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าได้ในช่วงไตรมาส 3/59 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้ราว 10% ต่อปีของต้นทุนค่าไฟฟ้า หรือประมาณ 5-6 ล้านบาทต่อปี