นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีนโยบายให้ทุกธนาคารออกบัตรเอทีเอ็ม และบัตรเดบิตแบบชิปการ์ดให้กับลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในการทำรายการผ่านเครื่องเอทีเอ็มนั้น ในการนี้เพื่อช่วยลดภาระให้กับลูกค้าที่ถือบัตรแบบแถบแม่เหล็กของธนาคารที่มีจำนวนกว่า 12 ล้านราย รวมทั้งสนับสนุนนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารจึงได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนบัตรแบบแถบแม่เหล็กเป็นแบบชิปการ์ดในทุกกรณี ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ ไปจนถึงสิ้นปี 2562 ซึ่งลูกค้าสามารถทยอยเปลี่ยนบัตรได้ที่ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตรแบบแถบแม่เหล็กเดิมยังคงใช้งานได้จนถึงสิ้นปี 2562
สำหรับบัตรเดบิตแบบชิปการ์ด 4 ประเภทของธนาคาร ประกอบด้วย บัตรเคทีบี ช้อปสมาร์ท คลาสสิก ใช้ซื้อสินค้าและบริการ, บัตรเคทีบี ช้อปสมาร์ทเพิร์ล คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ และการถูกโจรกรรมเงินที่ถอนผ่านเครื่องเอทีเอ็มของธนาคาร ภายใน 30 นาที ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล, บัตรเคทีบี ช้อปสมาร์ท บลูไดมอนด์ เอ็กซ์ตร้า คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ชดเชยรายได้ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และบัตรเคทีบี ช้อปสมาร์ท พาลาเดียม คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน คุ้มครองการถูกโจรกรรมเงินที่ถอนผ่านเครื่องเอทีเอ็มของธนาคาร ภายใน 30 นาที และความเสียหายต่อสินค้าที่ซื้อผ่านบัตร
นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบการชำระเงินของประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ธนาคารยังได้ลดค่าธรรมเนียมรายปี บัตรเดบิตแบบ เคทีบี ช้อปสมาร์ท คลาสสิก จาก 200 บาท เหลือ 180 บาท เท่ากับค่าธรรมเนียมของบัตรเอทีเอ็ม ในปีแรก สำหรับลูกค้ารายใหม่ที่มาสมัครทำบัตรดังกล่าว ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 ธันวาคม 2559 ซึ่งบัตรเดบิตจะให้สิทธิประโยชน์มากกว่าบัตรเอทีเอ็ม นอกจากการฝากถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มแล้ว ยังใช้ซื้อสินค้าและบริการผ่านร้านค้า และระบบ Online Shopping ซึ่งจะช่วยลดการพกพาเงินสดของประชาชน