ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของ บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ที่ระดับ “BBB-" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ “BBB-" โดยแนวโน้มยังคง “Negative" หรือ “ลบ" ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนกรกฎาคม 2559
อันดับเครดิตสะท้อนถึงแบรนด์ของ NOBLE ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลางถึงบน ตลอดจนกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างของสินค้า และยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ (Backlog) ในอนาคตของบริษัทอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากสถานะทางการเงินที่อ่อนแอ และความเสี่ยงที่บริษัทให้ความสำคัญกับการใช้เงินลงทุนจำนวนมากในโครงการคอนโดมิเนียม Noble Ploenchit ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงถึง 18,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34% ของมูลค่ารวมทุกโครงการของบริษัทรวมกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบได้ในช่วงปลายปี 2559 นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงและภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในระยะสั้นถึงปานกลางอีกด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative" หรือ “ลบ" สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ค่อนข้างสูง หากบริษัทไม่สามารถส่งมอบยอดขายรอการรับรู้รายได้ได้ตามแผน ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินอ่อนแอจากที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตลงได้ ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตอาจกลับมาเป็น “Stable" หรือ “คงที่" ได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่สูงเกินกว่า 65% ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป ในขณะที่อันดับเครดิตของบริษัทยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นในระยะอันใกล้นี้
NOBLE เป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางซึ่งก่อตั้งในปี 2534 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2539 บริษัทเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งมีราคาขายตั้งแต่ 120,000 บาทจนถึง 230,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) เป็นหลัก นอกจากนี้ สินค้าที่อยู่อาศัยของบริษัทยังรวมถึงบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และที่ดินจัดสรรด้วย บริษัทมีการออกแบบที่อยู่อาศัยทุกประเภทอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ณ เดือนมีนาคม 2559 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขาย 16 โครงการ โดย 85% ของมูลค่าโครงการทั้งหมดเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ที่เหลือเป็นโครงการบ้านจัดสรร โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งยูนิตที่ก่อสร้างแล้วและที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง) เท่ากับ 18,000 ล้านบาท บริษัทมียอดขายที่รอการรับรู้รายได้จำนวน 22,000 ล้านบาท โดยประมาณครึ่งหนึ่งมาจากโครงการ Noble Ploenchit
ยอดขายของบริษัทในปี 2558 ลดลง 48% จากปีก่อนเป็น 2,652 ล้านบาท ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 ปรับดีขึ้นเป็น 1,684 ล้านบาท รายได้ในปี 2558 และในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 ลดลงมากถึง 84% จากปีก่อน และ 51% จากช่วงเดียวกันของปี 2558 ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมที่แล้วเสร็จและโอนในปี 2558 ถึงครึ่งแรกของปี 2559 ประกอบกับการมีที่อยู่อาศัยที่แล้วเสร็จและส่งมอบให้กับลูกค้าได้น้อยลง ดังนั้น ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2559 จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการส่งมอบยอดขายที่รอการรับรู้รายได้จำนวนมากในโครงการ Noble Ploenchit ทั้งนี้ จากการที่บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ที่รอส่งมอบจำนวนมาก จึงทำให้คาดว่ารายได้ของบริษัทในอีก 3 ปีข้างหน้าจะไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี
อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงเหลือ 36% ของรายได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 จาก 38%-40% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายลดลงเป็น -114% ในปี 2558 และ -374% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 อัตรากำไรจากการดำเนินงานติดลบเป็นผลมาจากรายได้ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูง ทั้งนี้ คาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะปรับดีขึ้นอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 25% ของรายได้เมื่อมีการรับรู้รายได้จากยอดขายที่รอการรับรู้รายได้จำนวนมากตั้งแต่ปลายปี 2559 เป็นต้นไป
เงินกู้รวมของบริษัทเท่ากับ 15,753 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2559 เพิ่มขึ้นจาก 14,209 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2558 และ 11,417 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2557 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างทุนอยู่ในระดับค่อนข้างสูงที่ 79% ณ เดือนธันวาคม 2558 และ 81% ณ เดือนมีนาคม 2559 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนเท่ากับ 3.4 เท่า ณ สิ้นปี 2558 และ 3.7 เท่า ณ เดือนมีนาคม 2559 อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้ในการผ่อนปรนข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวในช่วงปี 2558-2559 แล้ว ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะปรับดีขึ้นเมื่อบริษัทเริ่มส่งมอบโครงการ Noble Ploenchit ในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ดังนั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะลดลงต่ำกว่า 65% ตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อที่จะรักษาอันดับเครดิตที่ระดับปัจจุบันเอาไว้
เนื่องจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ -3.6% ในปี 2558 และ -3.5% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 ลดลงจาก 1.7% ในปี 2557 และ 4% ในปี 2556 สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทยังคงตึงตัว โดย ณ เดือนมีนาคม 2559 สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 2,298 ล้านบาท และวงเงินกู้ยืมจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่ติดเงื่อนไขในการเบิกอีก 3,867 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินจากการผ่อนดาวน์ของลูกค้าอีก 15%-30% ของราคาขายที่อยู่อาศัยด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 7,975 ล้านบาท โดยประมาณ 70% ของภาระหนี้ระยะสั้นมาจากเงินกู้โครงการ