นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนของบริษัทมากนัก เนื่องจากเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคต แม้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ การใช้เงินลงทุนจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าแผนงานก็ตามเพราะโครงการก่อสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Receiving Terminal ) แห่งที่ 2 มีความล่าช้า แต่เชื่อว่าการใช้งบลงทุนจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 หลังโครงการดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น
"ราคาน้ำมันที่ลดลงผลกระทบการลงทุนต่อปตท.มีน้อย งบลงทุนในไตรมาสแรกที่ใช้ไปต่ำกว่าแผนเพราะ LNG Terminal 2 ชะลอนิดหน่อย แต่วันนี้มีความชัดเจนขึ้นหลังจากนี้ก็จะได้ลงทุนทันที การใช้งบในไตรมาส 2 ก็จะเร่งเข้ามา ทำให้การลงทุนทั้งปีนี้น่าจะเป็นไปตามแผน"นายเทวินทร์ กล่าว
นายเทวินทร์ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างคลัง LNG แห่งที่ 2 นี้ รัฐบาลจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันนี้ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของขนาดของคลังว่าจะเป็นขนาด 7.5 ล้านตัน/ปี หรือ 5 ล้านตัน/ปี โดยที่ผ่านมาปตท.เสนอการก่อสร้างที่ขนาด 7.5 ล้านตัน/ปี เนื่องจากใช้งบลงทุนเพิ่มเติมอีกว่า 1.3 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับการก่อสร้างขนาด 5 ล้านตัน/ปี โดยประเมินว่าความต้องการใช้ LNG จะเพิ่มขึ้นมากในอนาคต จากปีที่แล้วที่มีการนำเข้า LNG เพียง 3 ล้านตัน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 5 ล้านตันในปีหน้า ซึ่งคลัง LNG แห่งแรก ระยะที่ 2 จะแล้วเสร็จ ทำให้มีขีดความสามารถรองรับ LNG เป็น 10 ล้านตัน/ปี นอกจากนี้ LNG ยังเป็นช่วยเป็นเชื้อเพลิงสำรองหากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่เป็นไปตามแผนในอนาคตด้วย
อนึ่ง ปตท.ตั้งงบลงทุนในปีนี้ราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุน 5 ปี ในช่วงปี 59-63 อยู่ที่ระดับ 2.97 แสนล้านบาท สำหรับสร้างความมั่นคงด้านพลังงานราว 69% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน และก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างคลัง LNG แห่งที่ 2 ที่จะใช้งบลงทุนในช่วง 3.68-3.85 หมื่นล้านบาทด้วย