บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) วางแผนงานระยะ 3 ปี (ปี 60-62) กำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนแตะระดับ 1,000 เมกะวัตต์จากการลุยลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ หวังดันรายได้รายปีทะลุระดับ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่เดินหน้าขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โรงแรมดาราเทวีมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทหลังเคลียร์ปัญหาหนี้สินฟื้นกิจการ ก่อนดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 2 ปีข้างหน้า
นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการบริหาร IFEC เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้ารุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกเป็นหลัก ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าชีวมวลและพลังงานขยะ ซึ่งจะส่งผลให้มีสัดส่วนรายได้ในธุรกิจนี้ไม่ต่ำกว่า 60%
นอกจากนี้ยังได้ดำเนินธุรกิจระบบเทคโนโลยีและการสื่อสารเพื่อสนับสนุนการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ระบบสมาร์ทกริด (Smart Grid) ระบบแบตเตอรี่สำรองไฟฟ้า (Energy Storage) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าได้อย่างมาก รวมไปถึงจะมีการลงทุนในธุรกิจไฟเบอร์ออฟติก โดยสัดส่วนรายได้ของธุรกิจระบบสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจะอยู่ที่ 20% ขณะที่ “โรงแรมดาราเทวี" ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 100% จะมีสัดส่วนรายได้ราว 15% ส่วนธุรกิจอื่นๆ มีสัดส่วนรายได้อีก 5%
“การปรับโครงสร้างรายได้ธุรกิจใหม่นั้นเพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ที่จะเพิ่มเข้ามาจากหลายทาง แต่หลักๆ ก็ยังอยู่ในธุรกิจพลังงานทดแทน และ ธุรกิจเทคโนโลยีที่สนับสนุนการผลิตกับพลังงานทดแทน สัดส่วนทั้ง 2 ธุรกิจรวมกันไม่ต่ำกว่า 80% เราคิดมากกว่าแค่การรับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า นั้นคือ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อย่าง Energy Storage จะช่วยทำให้เราสามารถสำรองไฟฟ้า ทำให้อัตราการผลิตไฟฟ้าทั้งแสงอาทิตย์ และ ลม สูงขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งเราก็จะใช้สำหรับเราเอง และขายด้วย" นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าตามแผนการขยายโรงไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ต่างประเทศ สนใจบริษัทค่อนข้างมากและจะมีการเซ็นความร่วมมือกับหลายหน่วยงานในเร็ว ๆ นี้
ปี 59 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ 100 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีโซลาร์ฟาร์ม 21.5 เมกะวัตต์ ส่วนพลังงานลมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตรวม 300 เมกะวัตต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากปัจจุบันมี 10 เมกะวัตต์ ขณะที่ โรงไฟฟ้าชีวมวลและขยะนั้น บริษัทมีกำลังการผลิตสำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 6.8 เมกะวัตต์ คาดว่าภายในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 10 เมกะวัตต์
นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFEC กล่าวว่า แผนงานของบริษัทในอีก 3 ปี ข้างหน้า (ปี 60-62) บริษัทตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรวม 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งเป็นในประเทศ จำนวน 700 เมกะวัตต์ และต่างประเทศ จำนวน 300 เมกะวัตต์ โดยจะเป็นพลังงานลมราว 500-700 เมกะวัตต์ และแสงอาทิตย์ 200-300 เมกะวัตต์
ดังนั้น หากประเมินเบื้องต้นโรงไฟ้าแต่ละแห่งสร้างรายได้ราวปีละ 10 ล้านบาท ก็จะทำให้ธุรกิจพลังงานจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะเป็นหลักในการสร้างกำไร คาดว่าจะมีกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท/เมกะวัตต์ จากผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ราว 12% ส่วนการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มีกำไรเฉลี่ย 2-3 ล้านบาท/เมกะวัตต์
นอกจากนั้น บริษัทยังจะต่อยอดธุรกิจพลังงานเพิ่มเติมในส่วนของระบบแบตเตอรี่สำรองไฟฟ้า (Energy Storage) โดยการหาพันธมิตรเข้าสนับสนุน โดยบริษัทได้มีการเจรจากับบริษัท โกลด์วิน อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (GOLDWIN) ผู้ผลิตกังหันลมเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลกที่ร่วมเป็นพันธมิตรการดำเนินธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ให้มาร่วมมือต่อยอดใน Energy Storage
"การได้ GOLDWIN เป็นพันธมิตรนอกจากจะเสริมศักยภาพเรื่องพลังงานลมแล้ว ยังช่วยต่อยอดธุรกิจ Energy Storage อีก ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถมีแบตเตอรี่สำรองไฟฟ้าไว้ไช้ในโรงไฟฟ้าของบริษัทเองไนช่วงเริ่มต้น และต่อไปบริษัทอาจจะขยายงานในการเป็นซัพพลายด์เออร์พร้อมรับจ้างผลิตและติดตั้งให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆที่สนใจ อนาคตก็อาจเจรจาให้เขาเข้ามาถือหุ้นไม่เกิน IWIND สัดส่วน 10% ก็เป็นไปได้"นายสิทธิชัย กล่าว
*Q2/59 พลิกกำไรรับผลดีปรับโครงสร้างหนี้"ดาราเวที"พร้อมจุดพลุอสังหาฯ-เชนโรงแรม
นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 จะพลิกกลับมามีกำไร ซึ่งเป็นผลมาจากการบันทึกกำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้างหนี้ของธุรกิจโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ จำนวน 740 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าโรงแรมดาราเทวีจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้ไนช่วงเดือนมิถุนายน และการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินของโรงแรมดาราเทวีเชียงใหม่ให้กับบริษัทร่วมทุนอีกราว 600 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทแนวโน้มกำไรในครึ่งปีแรกของปีนี้คาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรกของปี 58 เนื่องจากบริษัทมีกำไรพิเศษจากโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ และกำไรจากการขายที่ดินของโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่และกำไรที่มาจากการดำเนินของโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่เข้ามาเสริม ประกอบกับกำไรที่ได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งในไตรมาส 1/59 ธุรกิจพลังงานทดแทนของบริษัทมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วจำนวน 37 เมกะวัตต์
บริษัทยังอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หรูของโรงแรมดาราเทวี บนเนื้อที่ 40 ไร่ จากที่ดินทั้งหมด 155 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 5 พันล้านบาท ปัจจุบันเจรจากับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 3 บริษัท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน มิ.ย.และประกาศร่วมทุนได้ในเดือน ก.ค.นี้ โดยบริษัทจะถือหุ้นสัดส่วน 49% และพันธมิตรถือหุ้นในสัดส่วน 51%
โครงการอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว แบ่งเป็นการพัฒนาส่วนต่อขยายโรงแรมหรูระดับ 6 ดาว เพิ่มอีก 80 ห้อง โครงการเรสซิเดนซ์ล้อมรอบสระน้ำขนาดใหญ่ (pool resident) จำนวน 16 ยูนิต และ คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ จำนวน 200 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 200,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มขายได้ภายในปลายปีนี้ โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า และน่าจะแล้วเสร็จพร้อมโอนภายในปี 62 กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเน้นไปที่ชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง
นายวิชัย กล่าวว่า ธุรกิจของโรงแรมดาราเทวีเชียงใหม่ในปัจจุบันนั้น ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 70% จากเดิม 60% จำนวนห้องพัก 122 ห้อง พร้อมทั้งมีแผนพัฒนาให้เป็น Midical Spa เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจโรงแรม พร้อมกันนั้น บริษัทมีแผนที่หา Strategic Partner เข้ามาถือหุ้นในโรงแรมดาราเทวีในสัดส่วน 5-10% เพื่อช่วยเสริมศักยภาพให้กับโรงแรม พร้อมกับมีเงินทุนที่เข้ามาช่วยในการขยายงาน ซึ่งบริษัทคาดหวังเงินทุนที่จะเข้ามาเสริมอีกไม่เกิน 1 พันล้านบาท เนื่อลงจากบริษัทมีแผนจัดตั้งเป็นเชนโรงแรมดาราเทวีในอนาคต
ด้าน นายสิทธิชัย กล่าวว่า บริษัทจะสามารถนำโรงแรมดาราเทวี ออกจากแผนฟื้นฟูได้ในไตรมาส 2 นี้ ซึ่งจะส่งผลให้โรงแรมดาราเทวี กลับมาปลอดหนี้สิน และ สามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้ทันทีราว 100 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มเติมในปีนี้อีกจำนวนมาก และในอนาคตอีกราย 2 ปีก็มีแผนจะผลักดันดาราเทวีเข้าจดทะเบียนในตลาดลหลักทรัพย์ด้วย