บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) ประกาศวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อผลักดันให้บริษัทก้าวสู่ Top 5 ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ พร้อมตั้งเป้ารายได้ช่วง 5 ปี (ปี 59-63) เติบโตต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10% หรือแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 63 โดยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเน้นการสร้างผลกำไร ควบคู่กับขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุธ์ NWR เปิดเผยว่า บริษัทจะปรับโครงสร้างรายได้รวมด้วยการเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็น 10-20% จากปัจจุบันมีอยู่ที่ 4% ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะลดลงจาก 96% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่ในระดับสูงที่ 30% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่อยู่ 6-8%
ในปีนี้บริษัทมีแผนการเปิดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิด 3 โครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยบริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ NWR มี 2 โครงการ คือ "บารานี เรสสิเดนซ์ รังสิต คลอง 3"ส่วนต่อขยาย จำนวน 140 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในไตรมาส 2/59 และคอนโดมิเนียม"เอสเพส ลาซาล"เฟส 2 จำนวน 398 ยูนิต มูลค่า 780 ล้านบาท
ส่วนโครงกลรที่ร่วมทุนกับ บมจ.ชาญอิสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) วางแผนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนย่านบางนา ทำเลใกล้เมกาบางนา มูลค่า 2 พันล้านบาท คาดว่ารายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ไนปีนี้จะอยู่ที่กว่า 500 ล้านบาท
นายปสันน กล่าวว่า บริษัทยังจะมีขยายธุรกิจใหม่เพิ่มมากขึ้นในปีนี้และปีหน้า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจากับพันธมิตรต่างชาติที่สนใจร่วมทุนกันทำธุรกิจใหม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจการผลิตสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่ง และบริษัทสามารถมีส่วนร่วมเข้าไปรับงานก่อสร้างโรงงานผลิตสินค้าดังกล่าวได้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้หรือปี 60
รวมทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศพม่าเพื่อร่วมทุนทำธุรกิจโรงแรมระดับ 3 ดาว ทางพม่าภาคใต้ จำนวนห้องพัก 200 ห้อง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้รับงานก่อสร้างโรงแรมของพันธมิตรท้องถิ่นในพม่า โดยมีกำหนดก่อสร้างเสร็จและส่งมอบงานภายในปลายปีนี้
พร้อมกันนั้น บริษัทยังขยายธุรกิจที่ได้ลงทุนไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการผลิตพรีคาส จากโรงงานในประเทศปัจจุบันมีกำลังการผลิต 15,000 คิวต่อเดือน แบ่งเป็นโรงงานเดิม 10,000 คิวต่อเดือน และโรงงานใหม่ที่อำเภอ บ้านบึง จังหวัดชลบุรี กำลังการผลิต 5,000 คิวต่อเดือน ขณะที่วางแผนปิดโรงงานที่บางนา กำลังการผลิต 2,000 คิวต่อเดือน เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชม โดยอาจจะนำพื้นที่โรงงานดังกล่าวไปพัฒนาเป็นสำนักงานหรือโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในอนาคต
ส่วนโรงงานพรีคาสในต่างประเทศที่บริษัทได้ร่วมทุนกับพันธมิตรในพม่า โดยบริษัทถือหุ้น 70% และพันธมิตรท้องถิ่นถือหุ้น 30% เปิดดำเนินการผลิตแล้ว 1,000 คิวต่อเดือนที่เริ่มผลิตในปีนี้ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการดูแนวโน้มทิศทางของความต้องการไช้คอนกรีตพรีคาสในพม่าก่อนจะตัดสินใจขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
ด้านนายพลพัฒ กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ NWR เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 10-15% และคาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 6-8% ขณะเดียวกันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ 1.36 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ 45-50% และที่เหลือในปี 60 นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าว่าจะได้งานประมาณ 10% โดยส่วนใหญ่จะเป็นงานด้านระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐ
ขณะที่การขยายธุรกิจในตลาด AEC นอกเหนือจากการร่วมทุนในโรงงานพรีคาสในพม่าสำหรับชิ้นส่วนประเภทพื้น รั้ว เสาเข็ม เพื่องานก่อสร้างทั่วไป เช่น บ้าน อาคารขนาดเล็ก เสาไฟฟ้า ยังกำลังศึกษาการเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม และเข้าประมูลงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในประเทศเมียนมาร์ด้วยเช่นกัน
ขณะที่นายปสันน กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรจะใหล้เคียงกับไตรมาส 1/59 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1.73 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.35 ล้านบาท เนื่องจากการทยอยรับรู้รายได้จากงานต่างๆที่เข้ามาไม่ได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59 พร้อมกับมั่นใจว่าในปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทจะพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะไม่ต้องมีบันทึกค่าเสื่อมที่ปีก่อนบันทึกไปกว่า 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ล่าสุดในวันนี้บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาเป็นผู้รับจหมาก่อสร้างของโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานของกรมเจ้าท่า มูลค่า 750 ล้านบาท