นายสุพจน์ วรรณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) คาดรายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปีก่อนที่ทำได้ 539.21 ล้านบาท และกำไร 58.15 ล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากคอมมูนิตี้ 40% และ IT Junction 60%
ขณะที่จะยังคงรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 58 ที่อยู่ 10.78% และอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 23.10%
"เรามั่นใจรายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากการขยายสาขาทั้ง IT Junction ,ศูนย์การค้าชุมชน Tha Jas และตลาดชุมชน J Market อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยังมีแผนเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้า หรือเช่าพื้นที่มาบริหาร คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ"นายสุพจน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯยังมีแผนขยายสาขา IT Junction อย่างต่อเนื่องที่คาดปีนี้จะมีทั้งสิ้น 55 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 48 สาขา และ ศูนย์การค้าชุมชน (The Jas) จะอยู่ที่ 3 สาขา โดยแบ่งเป็น The Jas วังหิน มีอัตราการเช่าแล้ว 94-95% ,The Jas รามอินทรา มีอัตราการเช่าแล้วมากกว่า 90% คาดว่าจะครบ 100% ได้ในปีนี้ อีกทั้งเตรียมเปิด โครงการแจส เออเบิร์น ศรีนครินทร์ ในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันได้เปิดพรีเซลแล้ว และสามารถเปิดขายพื้นที่ไปได้แล้วกว่า 60% และคาดจะครบ 100% ในช่วงปลายปีได้ โดยมีร้านค้าที่ร่วมโครงการฯ เช่น ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต สตาร์บัคส์ คาซะ เจมาร์ท เป็นต้น ขณะที่ตลาดชุมชน (J Market) ปีนี้จะมีทั้งสิ้น 5 แห่ง จากปัจจุบันมีจำนวน 4 แห่ง
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เพิ่มงบลงทุนเป็น 1,000 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ที่ 650 ล้านบาท ใช้ในการขยายสาขา ขณะเดียวกันมีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการ ,เช่าตึกเพื่อบริหาร ,รับช่วงต่อบริหาร และซื้อที่ดินเพื่อสร้างใหม่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน เนื่องด้วยเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยคาดหวังจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว 14-15% ขึ้นไป อย่างไรก็ตามบริษัทฯถือว่ามีความพร้อมด้านแหล่งเงินทุนทั้งกระแสเงินสดและเงินกู้ จากปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1 เท่า
นายสุพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาในการออกหุ้นกู้ เพื่อขยายกิจการและการเติบโตทั้งรายได้-กำไรสุทธิในอนาคต รวมถึงเพื่อดึงดูดความสนใจของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ