SGP เล็งเพิ่มเป้าหมายรายได้ปีนี้ หลังจบ H1/59,เจรจาพันธมิตรเมียนมาสร้างโรงบรรจุก๊าซฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 2, 2016 17:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) กล่าวว่า บริษัทฯมีแผนพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปีนี้ หลังสิ้นสุดงบการดำเนินงานในครึ่งปีแรก จากเดิมคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตราว 5% จาก 5.8 หมื่นล้านบาทในปีก่อน ขณะที่คาดกำไรสุทธิก็น่าจะดีกว่าระดับ 1.12 พันล้านบาทในปีก่อน

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากยอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยอดขายจากประเทศจีนที่มีการเติบโตอย่างมาก ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทฯคาดไว้จะเติบโตเพียง 5% และในประเทศเองก็เติบโตขึ้นถึง 20% อีกทั้งยอดขายตามตะเข็บชายแดน ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 1,500 ตัน/เดือนแล้ว และยังส่งผลดีต่อมาร์จิ้นอีกด้วย โดยคาดว่ายอดขาย LPG ปีนี้จะอยู่ที่ 3 ล้านตัน จากปีก่อนที่ 2.85 ล้านตัน

"เรามีแผนพิจารณาเป้าหมายผลการดำเนินงาน ซึ่งต้องขอดูงบครึ่งปีแรกก่อน แต่เมื่อดูแนวโน้มแล้วในไตรมาสแรกยอดขายเราก็เติบโตขึ้นอย่างมาก จากยอดขายที่จีนก็ทำได้กว่า 60% ไปแล้ว และน่าจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดราคา LPG ปีนี้จะอยู่ในระดับไม่เกิน 400 เหรียญต่อตัน"นางจินตณา กล่าว

นางจินตณา กล่าวว่า นอกจากนี้ราคาขาย LPG ก็ขยับเพิ่มขึ้นซึ่งคาดเฉลี่ยทั้งปีราคา LPG จะอยู่ที่ไม่เกิน 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน บนราคาน้ำมันดิบที่คาดจะอยู่ในระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ขณะที่มองแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 จะดีกว่าไตรมาส 1/59 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและราคา LPG ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งในไตรมาสแรกราคา LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 325 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาที่ 345 เหรียญสหรัฐ/ตันในปัจจุบัน

สำหรับการเข้าประมูลงานสร้างคลังบรรจุ LPG ในเมียนมานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอประกาศชื่อผู้ชนะ ซึ่งบริษัทฯเป็นหนึ่งในผู้เข้ารอบทั้งหมดจำนวน 4 ราย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะทราบผลได้เมื่อใด เนื่องด้วยเมียนมายังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างของรัฐบาลอยู่ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่น เพื่อก่อสร้างคลังบรรจุก๊าซ LPG ขนาด 3,000-5,000 ตัน คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 3/59 ซึ่งจะมีการดำเนินการก่อตั้งบริษัทร่วมทุน โดย SGP คาดเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า 50%

อีกทั้งก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่ยังไม่มีความคืบหน้า รวมถึงมีแผนขยายลุกค้าเพิ่มไปยังกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร ,อุตสาหกรรมการเกษตร ,อุตสาหกรรมก่อสร้าง และห้างสรรพสินค้าที่เปิดใหม่ เป็นต้น เพื่อดันมาร์จิ้นให้เพิ่มขึ้น

พร้อมกันนี้บริษัทฯมีแผนเข้าซื้อเรือเพิ่มจำนวน 2 ลำ ขนาด 45,000 ตัน ในช่วงปลายปีนี้ หากราคาเรือมีทิศทางลดลงมาอยู่ที่ระดับ 16-17 เหรียญสหรัฐ/ลำ จากปัจจุบันอยู่ที่ 20 เหรียญสหรัฐ/ลำ โดยปัจจุบันมีเรือทั้งสิ้น 22 ลำ เพื่อรองรับตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว นางจินตณา กล่าวว่า ปีนี้วางงบลงทุนไว้ราว 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสร้างคลังสุขสวัสดิ์ ,โรงงานถัง ,ขยายปั๊มอีก 2-3 แห่ง จากเดิมมีราว 40 แห่ง เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ