NPP ตุนเงินทุน-เงินกู้ตะลุยขยายธุรกิจอาหารปักธงรุกขยายใน-ตปท.ตั้งเป้าสิ้นปีนี้กวาดเพิ่มเป็น 5-6 แบรนด์

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 3, 2016 17:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย กรรมการผู้จัดการ บมจ.นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) (NPP) เปิดเผยถึงทิศทางการเติบโตของธุรกิจอาหารว่า บริษัทตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้จะมีแบรนด์อาหารเพิ่มเป็น 5-6 แบรนด์ จากปัจจุบันมีแบรนด์ A&W และ ร้านปิ้งย่าง"มิยาบิ" ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมไปกับการปรับปรุงและขยายสาขาแบรนด์ที่มีอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสรุปการเจรจาซื้อแบรนด์อาหารเพิ่มอีก 1 รายภายในเดือน มิ.ย.นี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท โดยเป็นกิจการที่มีสาขาอยู่แล้วราว 20 แห่ง สร้างยอดขายได้ปีละ 300 ล้านบาท และมีบุคลากรราว 100 คน

"ธุรกิจอาหารจะค่อย ๆ โต จะใช้ strategy เดิมกับแบรนด์ก่อนๆ คือ M&A เราจะมีให้ครบทุกเมนูตั้งแต่มื้อเช้าจนถึงมื้อเย็น ต้องเป็น food chain ไม่เอาร้านหรู ร้านของเราจะต้องเทคโนโลยีบริหารได้ ควบคุมต้นทุนได้ดี..เรากำลังมองถึงร้านที่ไม่ใหญ่เกินไป และมีสาขาเยอะ ๆ"นายสุรพงษ์ กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทก็จะปรับปรุงและขยายสาขาของแบรนด์เดิมที่มีอยู่ โดยคาดว่าปลายปีนี้สาขา A&W จะเพิ่มเป็น 30 สาขา จากขณะนี้มีอยู่ 25 สาขา หรือเปิดเพิ่มเดือนละ 1 สาขา เน้นจุดเด่นเดิมคือการเปิดในสถานีบริการน้ำมัน ส่วนร้าน"มิยาบิ"จะมีการเปิดร้านในรูปแบบใหม่ คือ "มิยาบิ เบนโตะ" แยกส่วนออกมาจากปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์ มาเป็นอาหารญี่ปุ่นที่ขายเป็นชุดเมนู (Menu Set) ซึ่งเป็นการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว ทำให้การบริโภคร้านสไตล์บุฟเฟ่ต์ได้รับผลกระทบ

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนนำร้านอาหารในเครือไปเปิดสาขาในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ที่ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมค่อนข้างมาก คาดว่าภายในปีนี้น่าจะได้เห็นการออกไปตั้งสาขาของร้านมิยาบิในเมืองย่างกุ้งของเมียนมาร์ ขณะที่มองโอกาสขยายไปเวียดนาม ลาว และกัมพูชาในปีหน้า ซึ่งจะรวมไปถึงอาหารประเภท ready-to-eat ที่อยู่ภายใต้การผลิตของบริษัทในเครือที่จะส่งไปขยายตลาดต่างประเทศ

พร้อมกันนั้น บริษัทยังเริ่มมองการพัฒนาแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาด้วย และยังมองโอกาสที่จะลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์วัตถุดิบอาหาร ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมาก และสามารถต่อยอดธุรกิจอาหารของบริษัทได้

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมด้านเงินลงทุนเพียงพอต่อการขยายธุรกิจ โดยขณะนี้มีเงินสดในมือราว 400 ล้านบาท และมีเงินทุนหมุนเวียนอีกราว 100 ล้านบาท รวมทั้งมีเงินที่จะได้จากการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น NPP อีกจำนวนหนึ่ง ขณะที่บริษัทยังมีความสามารถในการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีกมาก เนื่องจากขณะนี้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ยังต่ำแค่ 0.1 เท่า จากเป้าหมายจะขยายไปได้ถึง 1 ต่อ 1 ซึ่งยอมรับว่าแผนขยายธุรกิจอาหารคงต้องใช้เงินกู้ด้วย

ด้านธุรกิจเดิม คือ บรรจุภัณฑ์นั้น ปัจจุบันยังมีทิศทางการเติบโตที่ดีทั้งแบบซองและขวด PET โดยซองบรรจุภัณฑ์ กำลังผลิตสามารถรองรับความต้องการไปได้อีกนาน เพราะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตได้อีก 3 เท่าจากปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ยอดรายได้มีการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยไตรมาสละ 40% ขณะที่ขวด PET ได้มีการขยายกำลังการผลิตโรงงานแห่งที่ 2 และเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 3/59

ในช่วงไตรมาส 2/59 บริษัทจะเริ่มมีคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่ 3 ราย ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ 3-4 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาสนี้ ขณะที่บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มทั้งด้านคุณภาพและความสวยงาม มีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีนวัตกรรมด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม คาดว่าในปีนี้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะถึงจุดคุ้มทุน โดยในปีหน้ามีความเป็นไปได้ที่จะมองหาวิธีขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบก้าวกระโดด

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าธุรกิจอาหารจะทำสัดส่วนรายได้เป็น 50-60% ในปีนี้ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มทำรายได้เข้ามา หรือคาดว่าจะมีรายได้ราว 500-600 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะสร้างรายได้ราว 500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รายได้รวมปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ราว 1,000 ล้านบาท ขณะที่เชื่อว่าผลประกอบการปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไร และสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ รวมทั้งตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตต่อเนื่องไปที่ 2 พันล้านบาทในปี 61

อนึ่ง NPP แจ้งผลประกอบการปี 58 ขาดทุน 139.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขาดทุน 75.32 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/59 ขาดทุนสุทธิ 31.56 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/58 ที่ขาดทุนสุทธิ 61.45 ล้านบาท "ราคาหุ้นเราถูกที่สุดแล้ว ที่เราไม่อยากขับเคลื่อนหุ้นตอนนี้ เพราะเราต้องการให้ performance มันนำก่อน วันนี้ด้วย Equity เท่านี้ ราคาหุ้นเท่านี้ จำนวนหุ้นที่อยู่ในตลาดเท่านี้ ผมว่าไม่มีบริษัทที่ไซส์ขนาดนี้ เมื่อ perform แล้วมันจะไปไกลไปมาก"นายสุรพงษ์ กล่าว

และเมื่อถามถึงความจริงจังในการทำธุรกิจนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า "เรื่องนี้ไม่มีใครสัญญาได้ แต่วันนี้เราเห็นโอกาสของมัน"


แท็ก ลุย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ