นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ (MEGA) กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างวิจัยและพัฒนาธุรกิจธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อที่จะเป็นการต่อยอดธุรกิจศูนย์สุขภาพที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อส้รางที่คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4/59 เชื่อว่าจะตอบโจทย์คนรักสุขภาพได้ดี
"เราบอกไม่ได้ว่าการที่เราทำศูนย์สุขภาพ และวิจัยและพัฒนาธุรกิจธุรกิจอาหารนั้นจะสามารถสร้างผลกำไรได้มากน้อยแค่ไหน แต่ปัจจุบันประชากรของโลกเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มากขึ้น การที่เราพัฒนาสินค้าพวกนี้ก็คงเป็นในแนวทางการขยายกิจการในอนาคต"นายวิเวก กล่าว
ขณะเดียวกันยังมีการศึกษาการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีหลายรายเข้ามาเสนอขายกิจการ แต่บริษัทยังไม่รีบตัดสินใจ เนื่องจากยังเน้นนโยบายการเติบโตจากภายใน อย่างไรก็ตามหากมีกิจการที่มีความเหมาะสม บริษัทก็มีความพร้อมในเรื่องของเงินทุน โดยปัจจุบันมีเงินสดในมือราว 1,000 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ในกรอบ 7-10% จากปีก่อนอยู่ที่ 8.59% แม้ว่าไตรมาส 1/59 อัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่แค่ 5.80% เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากสินค้าที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการส่งเสริมการลงทุนมากกว่าสินค้าที่ได้รับประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตามทั้งปีสัดส่วนรายได้จากสินค้าที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะทำให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ในกรอบที่วางไว้
"ไตรมาส 1/59 เรามีรายได้ที่ไม่ได้รับ BOI เข้ามาทำให้เราโดนภาษีไปเยอะถึง 22.9% แต่ช่วงที่เหลือเราจะมีรายได้ที่ได้รับ BOI ทำให้การเสียภาษีกลับมาอยู่ที่ 16-17% ทำให้แนวโน้มอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 7-10% ได้ แม้ไตรมาส 1/59 จะอยู่ที่เพียง 5.80%"นายวิเวก กล่าว
ในด้านรายได้ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจเป้าหมาการเติบโตที่ 5-10% จากปีก่อนที่ทำรายได้ 8,096.73 ล้านบาท เนื่องจากจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ประมาณ 6-7 ตัวภายใต้แบรนด์ "Mega We Care"
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/59 คาดว่าจะรายได้และกำไรจะเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59 เนื่องจากยอดขายทั้งในและต่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์ "Mega We Care" ที่เป็นแบรนด์ของบริษัทฯเองซึ่งให้อัตรากำไรที่ดีกว่า และคาดว่ายอดขายครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของบริษัทฯ ซึ่งยอดขายมีแนวโน้มขยายตัวทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากเวียดนาม พม่า และกัมพูชา
นายวิเวก กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯคงเป้าหมายในปี 63 รายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตเป็น 2 เท่าตัว จากปัจจุบัน ซึ่งโอกาสของแบรนด์ของบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขาย ซึ่งการเติบโตดังกล่าวยังไม่ได้รวมการเข้าซื้อกิจการที่อาจจะเกิดขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯได้เตรียมเข้าลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าและสำนักงานในพม่า โดยบริษัทฯได้ตั้งบลงทุนไว้ราว 540 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตก่อสร้างจากรัฐบาลพม่า