นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ อาจปรับตัวขึ้น แต่ยังคงผันผวนจากความไม่แน่นอนเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้น (SET Index) จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,430-1,444 จุด
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non-farm payrolls) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนพ.ค.ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์มาก โดยออกมาที่ระดับ 38,000 ตำแหน่ง ทำให้ตลาดกลับมาสงสัยว่า Fed ยังจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็ววันหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ Fed ระดับสูงได้ออกมายืนยันว่าตัวเลขดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแนวโน้มในการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้ในตลาดจะลดอัตราความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.และก.ค.ลงก็ตาม
ดังนั้น ถ้อยแถลงของประธาน Fed ที่ ฟิลาเดเฟียคืนวันนี้จะเป็นรายการที่ทุกฝ่ายเฝ้าจับตา หาก Fed มีการขึ้นดอกเบี้ย เงินทุนจะไหลออกจากตลาดหุ้นของประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นไทย แต่เมื่อตลาดมองว่า Fed จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ตลาดหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่ก็ปรับตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่น่าจะไปได้ไกล เพราะยังมีเหตุการณ์สำคัญดักรออยู่ข้างหน้า คือการประชุม Fed ในวันที่ 14-15 มิ.ย. และการลงประชามติของสหราชอาณาจักรว่าจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
ด้านกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุมมองว่าครึ่งปีหลังและปลายปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น และตลาดหุ้นจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว แต่ช่วงนี้ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงปรับตัวจากปัจจัยที่ยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และมองว่าเศรษฐกิจไทยจะค่อย ๆ เดินหน้า และในด้านการท่องเที่ยว ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในการท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก อาฟริกา และทั่วโลกด้วย ทำให้ในสัปดาห์นี้ เราแนะนำหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำหุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เป็นบริษัทประกอบธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารระดับโลก ด้วยการครอบครองโรงแรมในพอร์ตจำนวน 147 แห่งและร้านอาหาร 1,859 แห่งใน 32 ประเทศ แนวโน้มกำไรที่สดใสของ MINT ในปีนี้สนับสนุนโดยจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้น 1,179 ห้องหรือ +13% YoY ในไตรมาส 1/59 อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยคาดว่าจะปรับขึ้นประมาณ 5%
ส่วนรายได้จากการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมและที่เกี่ยวข้องคาดว่าจะโตขึ้น 32% YoY ในปีนี้ โดยบริษัทมีแผนขยายร้านอาหารเพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยยอดขายร้านอาหารโดยรวม (TSS) เติบโตได้ 11% และคาดว่ายอดขายของสาขาเดิม (SSS) จะเติบโตได้ 2-3%
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิของ MINT จะเติบโตแข็งแกร่งที่ 24% ในปี 59 และ 12% ในปี 20 ในทางเทคนิคอลรูปแบบราคาของ MINT ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากการเกิดสัญญาณซื้อทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน จึงมีแนวโน้มที่จะทำ New highs โดยให้ราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานที่ 45 บาท มี Upside ประมาณ 14%