(เพิ่มเติม) SMART รับปีนี้รายได้วูบรับผลภาพรวมชะลอ-งานรัฐสะดุด,ตั้งเป้าขาดทุนลดลงแม้ใช้กลยุทธลดราคายังกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 6, 2016 15:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMART) คาดว่ารายได้ในปีนี้คงจะลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 354 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาพรวมอุตสาหกรรมชะลอตัว และงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐไม่ได้ออกมาตามคาดการณ์ ขณะที่กลยุทธการลดราคาแข่งขันในตลาด โดยในไตรมาสแรกราคาขายอิฐมวลเบา ลดลงเฉลี่ย 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าจะกดดันให้ผลประกอบการไตรมาส 2/59 ยังขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาสแรก อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2 ยังเป็นช่วงโลซีซั่นของธุรกิจที่มีวันหยุดยาว ขณะที่ตลาดวัสดุก่อสร้างที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพยายามให้ทั้งปีขาดทุนลดลงจากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 13.76 ล้านบาท โดยคาดหวังว่าครึ่งปีหลังสถานการณ์โดยรวมน่าจะดีขึ้น จากงานภาครัฐที่จะทยอยออกมา และน่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี และราคาขายอิฐมวลเบาก็น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วก่อนจะปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น

"เราคาดหวังครึ่งปีหลังผลการดำเนินงานน่าจะปรับตัวดีขึ้น จากงานโครงการภาครัฐที่จะทยอยออกมา และราคาขายอิฐมวลเบาก็น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว ราคาก็อาจจะดีดตัวกลับมาเล็กน้อย ทำให้ภาพรวมในปีนี้เราน่าจะมีผลขาดทุนลดลง"นายรังสี กล่าว

นายรังสี กล่าวว่า บริษัทวางกลยุทธเพื่อรุกตลาด ขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยและสถาปนิกมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทโดยตรง ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถให้คำแนะนำที่มีผลต่อการตัดสินใจกับเจ้าของโครงการ และมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติม โดยทั้งปีจะออกจำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอิฐมวลเบาสำหรับงานตกแต่งผนังภายในและภายนอกเพื่อเพิ่มมาร์จิ้นสินค้า และยังเป็นการสร้างความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ พร้อมกันนี้สามารถนำสินค้าไปวางจำหน่ายในร้านค้าเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีร้านค้าอยู่จำนวน 70 แห่ง หลังมีการสร้างการรับรู้ในตัวสินค้ามากขึ้น และก็ได้รับการตอบรับที่ดี

อีกทั้งยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในลาว ,เมียนมา และเวียดนาม เพื่อส่งออกสินค้าไปจำหน่าย เพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับพันธมิตรในประเทศต่าง ๆ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ โดยเฉพาะน่าจะได้เห็นการขยายไปยังตลาดลาวมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศจากกัมพูชา คิดเป็น 3% ของรายได้รวม และสิ้นปีน่าจะขยับมาอยู่ที่ 4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ