นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) เปิดเผยว่า จากการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้แถลงมุมมองเศรษฐกิจของสหรัฐฯเมื่อที่ผ่านมาโดยได้ส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. นี้ ซึ่งถือว่าเป็นข่าวที่ส่งปัจจัยต่อตลาดหุ้นในวันนี้
การกล่าวสุนทรพจน์ในคืนที่ผ่านมานั้นมีความแตกต่างจากที่เคยกล่าวไว้เมื่อวันที่เมื่อ 27 พ.ค. ที่เคยกล่าวไว้ว่าอาจจจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. จากการที่ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีท่าทีที่อ่อนลง โดยระบุว่า Fed ต้องพิจารณาในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบด้วย ดังนั้นจึงเป็นสัญญาณที่บอกว่า Fed อาจยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. หลังตัวเลขภาคการจ้างงานเดือน พ.ค. ออกมาไม่ดีนัก
สำหรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมในเดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.8 หมื่นตำแหน่ง ลดลงจากเดือนก่อนที่ 1.23 แสนตำแหน่ง และตัวเลขอัตราการว่างงานลดลง จาก 5.0% เหลือ 4.7%
"ทิศทางหุ้นไทยยังมีแรงส่งจากเงินไหลเข้ามาตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ดอกเบี้ยในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ และราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยบางกลุ่มยังปรับตัวขึ้นมาไม่มากนัก ขณะที่การกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ คืนที่ผ่านมา ส่งสัญญาณว่ายังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. หรือ ก.ค. เป็นข่าวบวกต่อตลาดหุ้น รวมทั้งสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ (ยกเว้นราคาพันธบัตร) " นายวิน กล่าว
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน KTBST แนะนำกลยุทธ์การการลงทุนว่า ความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆของรัฐบาล ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น ด้วยปัจจัยบวกที่มีน้ำหนักต่อตลาดมากกว่า คาดว่าดัชนีฯในวันนี้ มีโอกาสที่จะเดินหน้าขึ้นต่อไปได้ ปัจจัยที่จะมีผลต่อการซื้อขายในระหว่างวัน ได้แก่ การรายงานตัวเลขเงินสำรองต่างประเทศของจีน (คาด 3.2 ล้านล้านดอลล่าร์ , เดือนก่อน= 3.219) เนื่องจากเศรษฐกิจเป็นประเทศหลักๆ ประเทศเดียวที่แนวโน้มเศรษฐกิจกำลังถูกจับตามองอยู่ และการประชุม ครม.ของไทย ที่จะมีมาตรการภาษีบ้าน-ที่ดิน เข้าพิจารณา
ดังนั้นจากภาพตลาดหุ้นไม่ว่าจะเป็นปัจจัยพื้นฐานหรือเทคนิคที่ส่งสัญญาณบวก (รูปแบบดัชนีฯ จะคล้ายปี 2557) เป็นจังหวะในการเข้าสะสมหุ้นกันต่อ โดยเน้นที่หุ้นใหญ่-กลางที่นักลงทุนสถาบันฯลงทุน ซึ่งจะเป็นหุ้นที่ขึ้นมาไม่มากและผลการดำเนินงานมีแนวโน้มดี โดยกลุ่มที่จะเป็นตัวนำตลาดในวันนี้ คาดจะเป็นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยหุ้นที่เราคาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจสำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ในวันนี้ ได้แก่ BBL , TOP , BLA , BTS