นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 จะขึ้นไปแตะระดับ 5,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯเน้นการเติบโตในตลาดต่างประเทศเป็นหลัก
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนตั้งโรงงานผลิตในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งบริษัทมองโอกาสการเข้าไปลงทุนเองก่อน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนในปี 60 และเริ่มลงทุนได้ช่วงปลายปี 60-ต้นปี 61 เบื้องต้นตั้งบลงทุนไว้ราว 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังศึกษาการเข้าซื้อกิจการในประเทศจีนเพิ่มเติม เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นตั้งงบลงทุนไว้ไม่เกิน 500 ล้านบาท
"อนาคตเรามองการขยายกิจการไปยังต่างประเทศมากกว่าในประเทศไทย เพราะยังมีแนวโน้มการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะในกลุ่ม AEC ที่ยังมีที่ยังมีความต้องการใช้เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ต่างๆอยู่อีกมาก แต่เบื้องต้นเราคงเป็นการเข้าไปลงทุนเองก่อนเหมือนรูปแบบเดียวกับในประเทศจีน และใช้ระยะเวลา 2-3 ปี ถึงจะมาพิจารณาการเติบโตแบบมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อกิจการ หรือการขยายเอง"นายวิวรรธน์ กล่าว
ส่วนกรณมีกระแสข่าวว่า จะมีนักลงทุนจากจีนเข้ามาซื้อกิจการนั้น นายวิวรรธน์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีแผนขายหุ้นออกแน่นอน เพราะธุรกิจนี้เป็นของครอบครัว และยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมาก
"เราไม่มีแผนการขายธุรกิจเรา หรือขายหุ้นออกแน่นอน ซึ่งปัจจุบันครอบครัวเราถือหุ้นรวมกันอยู่ที่ราว 65% ถึงแม้จะไม่ครบทั้งหมดแต่ก็ถือว่าเราเป็นเจ้าของอยู่ ในทางกลับกันเราก็ยังมีการศึกษาและหาการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง เพราะแนวทางการเติบโตของเรามี 2 แนวทางคือ 1.การเติบโตด้วยการขยายเอง 2.คือการเข้าซื้อกิจการที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันเองเราถือว่ามีความพร้อม เพราะเรามีระดับหนี้สินต่อทุน (D/E) 1.4 เท่า ซึ่งยังสามารถกู้ได้เพราะเราจะคุม D/E ไม่เกิน 2 เท่า และเราก็ยังมีผลกำไรจากการดำเนินงานอีกบางส่วนด้วย"นายวิวรรธน์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการปีนี้ คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิปีนี้มากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 2,726.90 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 98.48 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่โรงพ่นสีเริ่มเทิร์นอะราวด์ ซึ่งสามารถควบคุมต้นทุนในหลาย ๆ มิติ ให้ผลขาดทุนลดลงและไม่ดึงผลการดำเนินงานในภาพรวม โดยปีนี้คาดว่าจะสร้างผลประกอบการให้กับบริษัทได้ราว 100 ล้านบาท และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปี 60 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยโรงพ่นสีดังกล่าวมีกำลังการผลิตเต็มที่ (Full Capacity) คิดเป็นยอดขาย 500-600 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนปกติไว้ราว 80 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนเครื่องจักรเดิม และใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุน รวมไปถึงการการขยายกำลังการผลิตรองรับการเติบโต โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายจะเติบโต 8-10% พร้อมกับรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 15-16%
"ในปีนี้ธุรกิจแพ็กเกจจิ้งที่มีอยู่เดิมยังคงเติบโตต่อเนื่อง และธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์ที่จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ในขณะเดียวกันยังรับรู้รายได้จากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเติม นอกจากนี้ธุรกิจโรงพ่นสีเริ่มเทิร์นอะราวด์ ซึ่งผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในปี 57 และเรายังมีการควบคุมต้นทุนการผลิตได้ค่อนข้างดี ทำให้แนวโน้มรายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีก่อน"นายวิวรรธน์ กล่าว