KTAM เปิดขาย 2 กองทุนตราสารหนี้ 3 เดือน ผลตอบแทน 1.30 และ 1.40% ต่อปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 7, 2016 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 98 (KTFF98) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2559 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประกอบด้วย เงินฝากประจำของ Bank of China (Macau),China Construction Bank (Asia) Corp.Ltd., Agricultural Bank of CHINA,Union National Bank PJSC และ First Gulf Bank PJSC ผลตอบแทนประมาณ 1.40% ต่อปี

ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน 3 (KTSIV3M3) เสนอขายรอบใหม่ (Roll Over) ถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2559 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศ 79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก ตั๋วเงินคลัง และพันธบัตรรัฐบาล ผลตอบแทนประมาณ 1.30% ต่อปี

ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ เริ่มกลับมาแข็งค่าจากท่าทีของ Fed ที่อาจจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ ส่งผลให้ตราสารหนี้โดยส่วนใหญ่เริ่มเผชิญแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะตราสารหนี้ไทย รวมถึงราคาทองคำ และกองทุน REITs ราคาน้ำมันยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่องจากแรงเก็งกำไร ขณะที่ตลาดหุ้นแกว่งตัวลดลงในช่วงต้นเดือน และฟื้นตัวในครึ่งเดือนหลัง โดยเฉพาะตลาดพัฒนาแล้ว ส่วนกลุ่มตลาดเกิดใหม่มีการปรับฐาน หลังจากปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้า ยกเว้น ตลาดหุ้นอินเดียที่ได้รับแรงหนุนจากผลประกอบซึ่งส่วนใหญ่ดีกว่าคาด

ส่วนในเดือนมิถุนายนให้จับตาดูการตัดสินใจของที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 14-15 มิถุนายน และการลงประชามติในสหราชอาณาจักรในวันที่ 23 มิถุนายน 2559 โดยฝ่ายวิจัยของบริษัทคาดว่า Fed จะยังตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรอความชัดเจนจากผลการลงประชามติของสหราชอาณาจักรว่าจะเลือกคงสถานะในกลุ่มประชาคมยุโรปต่อไปหรือไม่ แต่มีแนวโน้มสูงมากที่ Fed จะเลือกขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมเหตุการณ์ทั้งสองจะมีอิทธิพลต่อภาวะการลงทุนอย่างมาก ท่าทีของ Fed ต่อความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตจะมีอิทธิผลสำคัญต่อราคาตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงค่าเงิน USD ขณะที่การคงสถานะสมาชิกกลุ่ม EU ของ UK จะลดความไม่แน่นอนในการคงอยู่ของ EU ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจโลก และภาวะการลงทุนในตราสารทุน โดยเฉพาะตลาดพัฒนาแล้ว เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น รวมถึงสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ

แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามแรงขายทำกำไรสลับกับแรงซื้อกลับ เพราะกังวลว่า Fed มีโอกาสมากที่จะขึ้นดอกเบี้ยในไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยนักลงทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดซื้อสุทธิจำนวน 2,528 ล้านบาท โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 bps. มาอยู่ที่ 1.65% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12 bps.มาอยู่ที่ 1.96% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13 bps.มาอยู่ที่ 2.24% ต่อปี

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ