นายเมธี วินิชบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทวางแผนจะเข้าซื้อกิจการทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อผลักดันให้รายได้รวมเข้าเป้าที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 2,149 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าพลิกเป็นกำไรสุทธิจากปีก่อนขาดทุน 260 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิแล้ว 100 ล้านบาทแล้ว และไตรมาส 2/59 แนวโน้มยังไปได้ดี "ด้วย asset ปัจจุบันที่มีไม่มีทางที่ได้เป้า 7,000 ล้านบาท อย่างเดียวที่จะได้คือซื้อกิจการเข้ามา จึงเป็นเหตุผลที่เราคุยอยู่หลายดีล เพื่อจะเร่งปิดดีลเข้ามารับรู้เป็นรายได้ ซึ่ง asset ปัจจุบัน 3,000-4,000 ล้านบาทต้องซื้อทรัพย์สินใหม่เข้ามาเพื่อต่อฐานใหญ่ขึ้น...น่าจะมีโอกาสปิดดีลง่ายสุดก็ธุรกิจโรงแรม เพราะซัพพลายในตลาดเยอะและคนก็อยากขาย ปีนี้ตั้งงบซื้อกิจการไว้ 15,000 ล้านบาท ซึ่งดีลที่บริษัทอยากได้มูลค่าหลัก 10,000 ล้านบาทน่าจะคุ้ม คือซื้อดีลใหญ่ดีลเดียวไปเลยคุ้มกว่าจะซื้อดีลเล็ก ๆ"นายเมธี กล่าว
ปัจุจุบัน บริษัทเจรจากับธุรกิจโรงแรมไว้หลายแห่งทั้งในและต่างประเทศที่ต้องการขายกิจการ ทั้งโรงแรมในมัลดีฟที่เข้าไปศึกษาตลาดแล้ว และในยุโรปก็พิจารณาอยู่ด้วย หลังจากปลายปีที่แล้วร่วมลงทุนกับบริษัท FICO UK เข้าซื้อโรงแรมในอังกฤษไปแล้ว 26 แห่ง ซึ่งกิจการร่วมทุนในอังกฤษคาดว่าจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/59 เป็นต้นไป
"เราซื้อ (เครือโรงแรมในอังกฤษ) เมื่อปลายปี 59 รับรู้รายได้น้อยมากและมีค่าใช้จ่ายทำดีล และไตรมาส 1-2 เป็นโลว์ซีซันของอังกฤษด้วย อัตราการเข้าพักยังไม่เต็มที่ แต่จะดีขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอม พอไตรมาส 4 คริสมาสต์ เทศกาลต่าง ๆ"นายเมธี กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนปรับปรุง Phi Phi Island Village Beach Resort เดือน ก.ค.นี้ คาดเสร็จปลายปีให้ทันไฮซีซั่นปลายปี โดยใช้งบหลักร้อยล้านบาท
ส่วนแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) จากแผนเดิมที่จะนำ Phi Phi Island Village Beach Resort ขายเข้ากอง REIT ก็ยังเป็นแผนอยู่ แต่บริษัทก็อยู่ระหว่างศึกษาการนำโรงแรมทั้งหมด 28 แห่งจัดตั้งเป็นบริษัทย่อยเพื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทนการออกกอง REIT ด้วย
"กำลังคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ สินทรัพย์ทั้งหมดของโรงแรมที่มีอยู่ราว 20,000 ล้านบาท แต่อยากซื้อกิจการเพิ่มให้มีขนาดสินทรัพย์มากกว่านี้ก่อน ซึ่งน่าจะเป็นปี 60 ปีนี้คงไม่ทัน"นายเมธี กล่าว
สำหรับแผนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 1.62 พันล้านหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) สัดส่วน 4.6667 ต่อ 1 ท่ราคาหุ้นละ 5 บาท เพื่อระดมเงินทุนราว 6,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ผู้ถือหุ้นเดิมมาใช้สิทธิแล้ว 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนในวันที่ 9 มิ.ย.59 นี้ ซึ่งหากครบกำหนดแล้วผู้ถือหุ้นมาใช้สิทธิไม่ครบ บริษัทก็มีแผนจะนำหุ้น RO ส่วนที่เหลือไปรวมกับหุ้นเพิ่มทุนที่จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ตามแผนเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ไม่เกิน 300 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการเพิ่มทุน RO บริษัทก็จะไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) หุ้นเพิ่มทุน PP ให้กับนักลงทุนในและต่างประเทศ
"เราเผื่อใจไว้แล้วอาจใช้สิทธิไม่เต็ม เพราะราคาที่ 5 บาท ใกล้ราคาตลาดมาก ขณะที่กลุ่มบุญรอดใส่เงินครบแล้ว"นายเมธี กล่าว
อนึ่ง หุ้น S วันนี้ปิดตลาดที่ 5 บาท ลดลง 0.10 บาท (-1.92%)
ส่วนกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ประกาศนั้น นายเมธี กล่าวว่า ไม่เป็นผลบวกต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพราะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่โชคดีที่บริษัทมีสินทรัพย์และแลนด์แบงก์ไม่มาก